อยากปิดหนี้ ขายรถหรือขอสินเชื่อรถยนต์ดีนะ?

เมื่อภาระหนี้สินเริ่มทับถม หลายคนมองหาทางออกด้วยการใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ “รถยนต์” จึงกลายมาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มักถูกนำมาพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ เพื่อให้ได้เงินก้อนมาใช้จ่ายหมุนเวียนให้ครอบครัว หรือธุรกิจ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินของชีวิต แต่คำถามที่ตามมาคือ ควรขายรถ หรือเลือกขอสินเชื่อรถยนต์ดี? เพื่อนำเงินมาปิดหนี้ แล้วเราควรใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินใจ วันนี้ เงินให้ใจจะมาไขข้อข้องใจนี้กัน เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น

เข้าใจทางเลือก “ขายรถ vs. ขอสินเชื่อรถยนต์”

โดยทั่วไปแล้ว มีสองทางเลือกหลักที่มักถูกนำมาพิจารณาคือ การขายรถและการขอสินเชื่อรถยนต์

วิธีแรกคือ การขายรถ คุณจะได้รับเงินก้อนใหญ่ทันทีจากการขาย ซึ่งอาจเพียงพอสำหรับการปิดหนี้หรือแก้ปัญหาการเงินที่เผชิญอยู่ ข้อดีคือคุณจะปลดภาระหนี้ได้ในคราวเดียวโดยไม่มีภาระผ่อนชำระในอนาคต นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของรถ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และค่าประกัน อย่างไรก็ตาม การขายรถหมายถึงการสูญเสียทรัพย์สินและความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและการทำงานของคุณ

ในทางกลับกัน สินเชื่อรถยนต์เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีนี้ช่วยให้คุณได้รับเงินกู้โดยใช้รถเป็นหลักประกัน โดยที่ยังสามารถใช้รถได้ตามปกติ นี่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถในชีวิตประจำวันหรือการทำงาน อย่างไรก็ตาม การเลือกวิธีนี้หมายถึงคุณจะมีภาระในการผ่อนชำระเงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ซึ่งอาจสูญเสียอิสระทางการเงินในระยะเวลาหนึ่งหากไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยที่ควรพิจารณา ถ้ากำลังลังเลว่าจะขายรถหรือขอสินเชื่อรถยนต์ดี?

การตัดสินใจระหว่างสองทางเลือกนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น มูลค่าของรถเทียบกับยอดหนี้ที่ต้องชำระ ความจำเป็นในการใช้รถ ความสามารถในการรับภาระการผ่อนชำระ และผลกระทบระยะยาวต่อสถานะทางการเงินของคุณ การพิจารณาอย่างรอบคอบและประเมินข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือกจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเอง

1. มูลค่ารถยนต์และยอดหนี้

ประเมินว่ามูลค่ารถของคุณเพียงพอที่จะปิดหนี้ได้หรือไม่ หากขายรถแล้วยังไม่เพียงพอสำหรับการปิดหนี้ การขอสินเชื่อรถยนต์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

2. ความจำเป็นในการใช้รถ

หากรถเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาชีพหรือดำเนินชีวิตประจำวัน การขอสินเชื่อรถยนต์อาจเหมาะสมกว่า

3. ความสามารถในการผ่อนชำระ

ประเมินรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียด เพื่อดูว่าคุณสามารถรับภาระการผ่อนชำระสินเชื่อรถยนต์ได้หรือไม่

4. อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม

เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมระหว่างการขายรถเพื่อปิดหนี้ กับการขอสินเชื่อรถยนต์

5. ผลกระทบต่อเครดิตบูโร

พิจารณาว่าการปิดหนี้ด้วยวิธีใดจะส่งผลดีต่อประวัติเครดิตของคุณมากกว่า

ตัวอย่างเช่น คุณ A มีหนี้บัตรเครดิต 500,000 บาท และมีรถยนต์มูลค่า 600,000 บาท

- ถ้าคุณ A ตัดสินใจขายรถ: สามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมดและมีเงินเหลือ

- ถ้าคุณ A ตัดสินใจขอสินเชื่อรถยนต์: อาจได้วงเงินไม่เพียงพอในการปิดหนี้ทั้งหมด

ในกรณีนี้ หากไม่จำเป็นต้องใช้รถ การขายรถอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

แต่ถ้าสมมติว่า คุณ B มีหนี้ 200,000 บาท และมีรถยนต์มูลค่า 500,000 บาท ซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการทำงาน

- ถ้าคุณ B ตัดสินใจขายรถ: จะทำให้ได้เงินเกินความจำเป็นและกระทบต่อการทำงาน

- ถ้าคุณ B ตัดสินใจขอสินเชื่อรถยนต์: จะสามารถขอวงเงินที่เพียงพอโดยยังใช้รถได้ตามปกติ

ในกรณีนี้ การขอสินเชื่อรถยนต์อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า

ข้อดีของการขายรถเพื่อปิดหนี้

- ปลดภาระหนี้ได้ทันที เพราะการขายรถอาจช่วยให้คุณปิดหนี้ก้อนใหญ่ได้ในคราวเดียว ลดความเครียดจากภาระหนี้

- ประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรถ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าน้ำมัน ค่าซ่อมบำรุง และค่าประกันรถยนต์

- มีโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ การปลดภาระหนี้และทรัพย์สินที่มีค่าใช้จ่ายสูงอาจเป็นโอกาสในการวางแผนการเงินใหม่ให้กับชีวิตได้เช่นกัน

ข้อดีของการขอสินเชื่อรถยนต์

- ยังคงใช้รถได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน

- ได้เงินก้อนมาใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า สามารถนำเงินกู้มาจัดการกับหนี้เร่งด่วนได้ทันที

- มีเวลาในการวางแผนการเงินระยะยาว การผ่อนชำระเป็นงวดให้โอกาสในการจัดการรายรับ-รายจ่ายอย่างเป็นระบบ

- อาจมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล เนื่องจากมีหลักประกัน จึงมักได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

คำแนะนำในการตัดสินใจ เลือกแบบไหนดี?

การเลือกระหว่างการขายรถหรือขอสินเชื่อรถยนต์เพื่อแก้ปัญหาทางการเงินนั้น ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่ละคนมีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น การตัดสินใจที่รอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกทางที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง เงินให้ใจมีคำแนะนำที่อาจช่วยให้การตัดสินใจของคุณง่ายขึ้น และนำไปสู่การแก้ปัญหาทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจครั้งสำคัญนี้

1. ประเมินสถานการณ์ทางการเงินอย่างรอบด้าน วิเคราะห์รายรับ-รายจ่าย ภาระหนี้ทั้งหมด และแผนการเงินในอนาคต

2. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน อาจขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินหรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ

3. พิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้เดิม หรือการเจรจากับเจ้าหนี้ การขอสินเชื่อประเภทอื่น 

อย่าลืมวางแผนระยะยาว ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด ควรมีแผนในการจัดการการเงินและป้องกันการเกิดหนี้ซ้ำในอนาคต

สรุป

การตัดสินใจระหว่างการขายรถหรือขอสินเชื่อรถยนต์เพื่อปิดหนี้นั้น ไม่มีคำตอบตายตัวว่าวิธีไหนดีกว่ากัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะของแต่ละบุคคล สิ่งสำคัญคือการพิจารณาอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบระยะยาว และเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์ของคุณ แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีใด สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนการเงินอย่างรัดกุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินซ้ำในอนาคต การสร้างวินัยทางการเงิน การออม และการลงทุนอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือ บริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ เงินให้ใจ

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899