 
             
            5 สัญญาณอันตราย ที่คนใช้รถกระบะต้องรู้
รถกระบะเป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทย ด้วยความสามารถในการบรรทุกและความคล่องตัวในการใช้งาน ทำให้รถกระบะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับทั้งการใช้งานส่วนตัวและเชิงพาณิชย์ แต่การใช้งานอย่างหนักและต่อเนื่องอาจนำมาซึ่งปัญหาที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานของรถ บทความนี้ เงินให้ใจจะแนะนำ 5 สัญญาณอันตรายที่ผู้ใช้รถกระบะควรรู้และเข้าใจ เพื่อไม่ให้รถกระบะเสียและป้องกันอุบัติเหตุ
สัญญาณแรก เสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์
เครื่องยนต์คือหัวใจสำคัญของรถกระบะ เสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์จึงเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้ามก่อนรถกระบะเสีย
- เสียงดังกุกกักเมื่อเร่งเครื่อง
- เสียงเคาะหรือกระแทกจากภายในเครื่องยนต์
- เสียงหวีดหรือเสียงแหลมผิดปกติ
สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ รถมีปัญหาที่ลูกสูบหรือก้านสูบ มีการสึกหรอของแบริ่งเครื่องยนต์ และมีปัญหาที่ระบบไทม์มิ่งเบลท์หรือเฟือง
การแก้ไขเบื้องต้น
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและเติมหากจำเป็น
- สังเกตว่าเสียงเกิดขึ้นเมื่อใด (ขณะสตาร์ท เร่งเครื่อง หรือเบา)
- นำรถเข้าศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
สัญญาณที่ 2 อาการสั่นผิดปกติขณะขับขี่
การสั่นของรถกระบะขณะขับขี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความสบายในการขับขี่แล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาร้ายแรงที่กำลังจะเกิดขึ้น
- การสั่นที่พวงมาลัยขณะขับที่ความเร็วต่ำหรือสูง
- การสั่นที่เบาะนั่งหรือพื้นรถ
- การสั่นที่รุนแรงขึ้นเมื่อเบรกหรือเร่งความเร็ว
สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ เกิดจากล้อไม่ได้ศูนย์หรือไม่สมดุล มีปัญหาที่ระบบส่งกำลัง เช่น เพลาขับ หรือข้อต่อ ผ้าเบรกสึกหรอไม่เท่ากัน หรืออาจจะมีปัญหาที่โช้คอัพหรือระบบกันสะเทือน
การแก้ไขเบื้องต้น
- ตรวจสอบความดันลมยางให้เหมาะสม
- สังเกตว่าการสั่นเกิดขึ้นในสถานการณ์ใด (ความเร็วต่ำ สูง หรือขณะเบรก)
- นำรถเข้าตรวจสอบการตั้งศูนย์ล้อและถ่วงล้อ
- หากปัญหายังคงอยู่ ควรนำรถเข้าตรวจสอบระบบส่งกำลังและระบบกันสะเทือน
สัญญาณที่ 3 ควันไอเสียผิดปกติ
ควันไอเสียเป็นดัชนีชี้วัดสุขภาพของเครื่องยนต์ที่สำคัญ ควันผิดปกติอาจบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้นกับรถกระบะของคุณ และทำให้รถกระบะเสียได้
- ควันสีขาวหนาทึบ
- ควันสีฟ้าหรือน้ำเงิน
- ควันสีดำหนาทึบ
สาเหตุที่เป็นไปได้
- ควันขาว: อาจเกิดจากน้ำหล่อเย็นรั่วเข้าห้องเผาไหม้
- ควันฟ้า/น้ำเงิน: บ่งชี้ว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าห้องเผาไหม้
- ควันดำ: อาจเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ หรือน้ำมันเชื้อเพลิงเกินพอดี
การแก้ไขเบื้องต้น
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็น
- สังเกตว่าควันเกิดขึ้นเมื่อใด (ขณะสตาร์ท เร่งเครื่อง หรือตลอดเวลา)
- ตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้
- นำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
สัญญาณที่ 4 อาการเบรกผิดปกติ
ระบบเบรกเป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัย อาการผิดปกติของระบบเบรกจึงเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
- เสียงดังเอี๊ยดหรือครูดขณะเบรก
- แป้นเบรกแข็งหรือนุ่มเกินไป
- รถเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่งขณะเบรก
- ระยะเบรกยาวขึ้นกว่าปกติ
สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ เกิดจากผ้าเบรกหรือจานเบรกสึกหรอ น้ำมันเบรกรั่วหรือมีอากาศในระบบ คาลิปเปอร์เบรกติดขัด ระบบ ABS ทำงานผิดปกติ
การแก้ไขเบื้องต้น
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกและเติมหากจำเป็น
- สังเกตลักษณะอาการผิดปกติอย่างละเอียด
- หากพบอาการผิดปกติใดๆ ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญทันที
- หลีกเลี่ยงการขับขี่หากพบว่าระบบเบรกมีปัญหารุนแรง
สัญญาณที่ 5 ไฟเตือนบนแผงหน้าปัด
ไฟเตือนบนแผงหน้าปัดเป็นระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับรถ การเพิกเฉยต่อสัญญาณเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเสียหายที่รุนแรงได้ ไม่ว่าจะเป็นการขัดข้องของไฟเตือนเหล่านี้
- ไฟเตือนเครื่องยนต์ (Check Engine)
- ไฟเตือนระบบเบรก (Brake)
- ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง (Oil Pressure)
- ไฟเตือนระบบชาร์จไฟ (Battery)
- ไฟเตือนถุงลมนิรภัย (Airbag)
สาเหตุที่เป็นไปได้ คือ อาจจะเกิดปัญหาที่ระบบควบคุมเครื่องยนต์อิเล็กทรอนิกส์ ระดับน้ำมันเบรกต่ำหรือปัญหาที่ระบบเบรก แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำหรือปั๊มน้ำมันเครื่องมีปัญหา แบตเตอรี่หรืออัลเทอร์เนเตอร์มีปัญหา หรือแม้แต่ระบบถุงลมนิรภัยทำงานผิดปกติ
การแก้ไขเบื้องต้น
- อ่านคู่มือรถเพื่อทำความเข้าใจความหมายของไฟเตือนแต่ละดวง
- ตรวจสอบระดับน้ำมันต่างๆ และเติมหากจำเป็น
- หากไฟเตือนยังคงติดอยู่ ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเร็ว
- ในกรณีที่เป็นไฟเตือนสีแดง (เช่น ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง) ควรหยุดรถทันทีและติดต่อขอความช่วยเหลือ
สรุป
จำไว้ว่า ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ หากคุณไม่แน่ใจหรือรู้สึกไม่ปลอดภัยในการขับขี่ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ การป้องกันและการแก้ไขปัญหาแต่เนิ่นๆ ก่อนรถกระบะเสีย ไม่เพียงแต่จะประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ยังอาจเป็นการช่วยชีวิตคุณและผู้อื่นบนท้องถนนอีกด้วย
สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือ เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ เงินให้ใจ
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 19 ส.ค. 2567
บทความอื่น ๆ
 
            บัญชีมิจฉาชีพ เช็กง่ายๆ ก่อนโอนจริง ไม่ตกเป็นเหยื่อ
สอนวิธีเช็คชื่อบัญชีมิจฉาชีพ ตรวจสอบเลขบัญชี มิจฉาชีพก่อนโอนจริง ป้องกันการถูกโกงออนไลน์ รู้ทันมิจฉาชีพ ลดความเสี่ยงเสียเงินฟรี
เผยแพร่ 14 ต.ค. 2568
 
            วิธีไหว้แม่ย่านางรถใหม่ มูอัพเกรดดวงการเงินให้ปัง
รวมวิธีไหว้แม่ย่านางรถใหม่ พร้อมของไหว้ คาถา และฤกษ์มงคล เสริมโชคลาภ การเงิน และความปลอดภัยทุกการเดินทาง อ่านจบทำตามได้ทันที
เผยแพร่ 14 ต.ค. 2568
 
            รถโดนล็อกล้อ ทำยังไง? พร้อมอัปเดตค่าปรับล่าสุด
รถโดนล็อคล้อทำยังไง? รวมขั้นตอนที่ถูกต้อง พร้อมอัปเดตค่าปรับล่าสุด ล็อคล้อ ค่าปรับ 500-1,000 บาท ห้ามงัดเองเด็ดขาด เสี่ยงโทษทั้งจำและปรับ
เผยแพร่ 14 ต.ค. 2568