เปลี่ยนยาง ที่ไหนดี
ดูแลรักษารถยนต์

เปลี่ยนยางเมื่อไหร่ดี? คู่มือดูแลยางรถสำหรับมือใหม่

ยางรถยนต์เป็นเพียงจุดสัมผัสเดียวระหว่างรถของคุณกับพื้นถนน แต่กลับเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยางและวิธีการดูแลรถส่วนนี้อย่างถูกต้องจึงเป็นทักษะจำเป็นสำหรับทุกคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณเจาะลึกทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับยางรถยนต์ ตั้งแต่สัญญาณเตือนที่บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยาง วิธีเลือกยางที่เหมาะสม ไปจนถึงเทคนิคการดูแลรักษารถยนต์ส่วนสำคัญนี้ให้มีอายุการใช้งานยาวนาน

เปลี่ยนยาง

ทำความเข้าใจยางรถยนต์ก่อนดูแล

ก่อนจะเข้าใจว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง เราจำเป็นต้องเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานของยางรถยนต์เสียก่อน

ส่วนประกอบสำคัญของยางรถยนต์

1. ดอกยาง (Tread) : ส่วนของยางที่สัมผัสกับถนนโดยตรง มีลายดอกเพื่อช่วยในการยึดเกาะ

2. ไหล่ยาง (Shoulder) : ส่วนโค้งที่เชื่อมระหว่างดอกยางและแก้มยาง

3. แก้มยาง (Sidewall) : ด้านข้างของยางที่มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยาง

4. ขอบยาง (Bead) : ส่วนที่ยึดติดกับล้อรถ

ส่วนประกอบเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อรองรับน้ำหนักรถ ช่วยในการบังคับทิศทาง และดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน การดูแลรถในส่วนของยางจึงเป็นการดูแลรักษารถยนต์ที่สำคัญมาก

การอ่านข้อมูลบนยางรถยนต์

บนแก้มยาง คุณจะพบข้อมูลสำคัญในรูปแบบตัวเลขและตัวอักษร เช่น 215/55R17 94V ซึ่งหมายถึง

- 215 : ความกว้างของยางเป็นมิลลิเมตร

- 55 : อัตราส่วนความสูงของแก้มยางต่อความกว้าง (Aspect Ratio)

- R : โครงสร้างแบบเรเดียล (Radial)

- 17 : ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของล้อเป็นนิ้ว

- 94 : ดัชนีน้ำหนักบรรทุก (Load Index)

- V : สัญลักษณ์ความเร็ว (Speed Rating)

การเข้าใจข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกยางทดแทนที่เหมาะสมเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยาง

6 สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยาง

1. ความลึกดอกยางต่ำกว่ามาตรฐาน

ความลึกดอกยางเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สุดในการกำหนดว่าเมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง ตามมาตรฐานทั่วไป

- ยางใหม่มีความลึกดอกยางประมาณ 8-9 มิลลิเมตร

- ควรเปลี่ยนยางเมื่อความลึกดอกยางเหลือน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร

วิธีตรวจสอบอย่างง่าย

- ใช้เหรียญ : สอดเหรียญ 1 บาทเข้าไปในร่องดอกยาง หากเห็นขอบเหรียญทั้งหมด แสดงว่าดอกยางตื้นเกินไปแล้ว

- ดูเส้นบอกระดับ (Wear Indicator) : ยางส่วนใหญ่มีเส้นบอกระดับความสึกที่ฐานของร่องดอกยาง เมื่อดอกยางสึกจนถึงระดับนี้ ถึงเวลาเปลี่ยนยาง

2. อายุการใช้งานเกิน 6 ปี

แม้ว่าดอกยางยังจะมีความลึกดี แต่ยางรถเสื่อมสภาพตามกาลเวลาเนื่องจากการเผชิญกับรังสียูวี ความร้อน และออกซิเจนในอากาศ ทำให้ยางแข็งตัวและแตกลาย

- ยางรถยนต์ควรได้รับการเปลี่ยนยางทุก 5-6 ปี โดยไม่คำนึงถึงระยะทางที่วิ่ง

- คุณสามารถตรวจสอบอายุยางได้จากรหัส DOT บนแก้มยาง โดย 4 ตัวเลขสุดท้ายจะบอกสัปดาห์และปีที่ผลิต (เช่น 2319 หมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 23 ของปี 2019)

3. รอยแตกลายที่แก้มยาง

รอยแตกลายบนแก้มยางเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ายางเสื่อมสภาพ

- รอยแตกเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 1 มิลลิเมตรอาจยังไม่น่ากังวล

- รอยแตกลึกหรือยาวกว่า 25 มิลลิเมตร เป็นสัญญาณว่าควรเปลี่ยนยางโดยเร็ว

- รอยแตกที่เห็นโครงสร้างภายในยาง ควรเปลี่ยนยางทันที

4. ยางสึกไม่เท่ากัน

การสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอของยางไม่เพียงบ่งบอกว่าอาจถึงเวลาเปลี่ยนยาง แต่ยังชี้ให้เห็นปัญหาอื่นๆ ที่ต้องได้รับการแก้ไข

- สึกตรงกลาง : มักเกิดจากการเติมลมยางมากเกินไป

- สึกด้านข้างทั้งสองด้าน : มักเกิดจากการเติมลมยางน้อยเกินไป

- สึกด้านใดด้านหนึ่ง : อาจเกิดจากมุมโทอิน/โทเอาท์ไม่เหมาะสม

- สึกเป็นจุดๆ หรือไม่สม่ำเสมอ : อาจเกิดจากระบบช่วงล่างมีปัญหา หรือล้อไม่ได้สมดุล

5. ยางมีตุ่มนูนหรือรอยโป่ง

ตุ่มนูนหรือรอยโป่งบนผิวยางเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าโครงสร้างภายในยางเสียหาย ซึ่งมักเกิดจาก

- การกระแทกกับหลุมหรือขอบถนนอย่างรุนแรง

- ความเสียหายภายในที่ไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก

เมื่อพบสัญญาณนี้ ควรเปลี่ยนยางทันที เพราะรอยโป่งอาจทำให้ยางระเบิดได้ในขณะใช้งาน

6. รถสั่นผิดปกติขณะขับขี่

แม้จะเป็นสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเท่าอาการอื่นๆ แต่การสั่นสะเทือนผิดปกติขณะขับขี่ อาจเป็นสัญญาณว่ายางมีปัญหา

- การสั่นที่พวงมาลัย มักเกิดจากล้อหน้าไม่สมดุลหรือยางเสียรูปทรง

- การสั่นทั้งคัน อาจเกิดจากยางเสียศูนย์หรือล้อหลังไม่สมดุล

การสั่นสะเทือนนี้อาจแก้ไขได้ด้วยการถ่วงล้อหรือตั้งศูนย์ แต่หากอาการยังคงอยู่ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยาง

สรุป

การเปลี่ยนยางรถยนต์ในเวลาที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญของการดูแลรักษารถและความปลอดภัยบนท้องถนน สัญญาณทั้ง 6 ประการที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นความลึกดอกยางที่น้อยลง อายุการใช้งานเกิน 6 ปี รอยแตกที่แก้มยาง การสึกไม่เท่ากัน ตุ่มนูนหรือรอยโป่ง และการสั่นสะเทือนผิดปกติ ล้วนเป็นตัวบ่งชี้ว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางแล้ว การตรวจสอบยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอและเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของคุณและผู้ร่วมทางบนถนนอีกด้วย

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

รถกินน้ำมัน

น้ำมันลดเร็วแต่ไม่ได้ขับหนัก? เช็กอาการนี้ ก่อนเงินไหลหมดถัง

หลายคนคงเคยสงสัยว่าทำไมรถของคุณถึงเป็นรถกินน้ำมันเร็วทั้งที่ไม่ได้ขับหนักหรือใช้งานมากกว่าปกติ บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณไปตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้รถกินน้ำมันผิดปกติ พร้อมวิธีแก้ไขเพื่อช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณ

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

รถสตาร์ทยาก

รถสตาร์ทยาก เกิดจากอะไรได้บ้าง?

รถสตาร์ทยาก มีสาเหตุจากอะไรได้บ้าง? 10 สาเหตุหลักที่ทำให้รถของคุณสตาร์ทไม่ติด พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

ที่เที่ยวใกล้กทม

วันหยุดนี้ไปไหนดี? 5 ทริปชิลล์ใกล้กรุงเทพฯ เที่ยวได้ไม่ต้องวางแผนนาน

รวม 5 ทริปสุดชิลล์ใกล้กรุงเทพฯ ที่คุณสามารถตัดสินใจเที่ยวได้แบบกะทันหัน ให้วันหยุดของคุณมีความหมายโดยไม่ต้องวางแผนล่วงหน้านาน

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568