บัญชีมิจฉาชีพ เช็กง่ายๆ ก่อนโอนจริง ไม่ตกเป็นเหยื่อ
ทุกวันนี้การซื้อของออนไลน์และการโอนเงินผ่านมือถือกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะซื้อของจากร้านค้าเล็กๆ ผ่าน Facebook, สั่งจากแพลตฟอร์ม Marketplace หรือแม้แต่โอนเงินให้คนรู้จัก แต่ในขณะเดียวกัน ช่องทางเหล่านี้ก็กลายเป็นพื้นที่ที่ มิจฉาชีพ ใช้หลอกลวงมากที่สุด โดยเฉพาะการให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวที่ไม่มีการตรวจสอบ การเช็กว่าเป็น เลขบัญชีมิจฉาชีพ หรือไม่จึงเป็นเกราะป้องกันชั้นแรกที่ทุกคนควรรู้
ลองคิดดูว่า ถ้าคุณโอนเงินไปแล้ว แต่ปลายทางกลับเป็นบัญชีที่ใช้หลอกเหยื่อ ความเสียหายไม่เพียงแต่เป็น “เงิน” ที่สูญไป แต่ยังรวมถึง “เวลา” และ “ความเครียด” ที่ตามมาในการตามเรื่อง ซึ่งโอกาสได้เงินคืนจริงๆ นั้นมีไม่มากนัก การตรวจสอบเลขบัญชีมิจฉาชีพก่อนโอนทุกครั้งจึงเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันได้ดีที่สุด
ทำไมต้องตรวจสอบเลขบัญชีมิจฉาชีพก่อนโอน
หลายคนอาจคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่ไม่กี่ร้อยบาท” แต่รู้หรือไม่ว่า มิจฉาชีพมักเริ่มจากเงินจำนวนน้อยๆ เพื่อหลอกให้โอนง่าย ก่อนจะขยายผลเป็นจำนวนเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลที่ควรเช็คให้ละเอียดก่อนโอน มีดังนี้:
- เงินที่โอนไปยากจะได้คืน : แม้จะแจ้งความ แต่ขั้นตอนตามกฎหมายใช้เวลาและต้องอายัดบัญชีทันที หากช้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงเงินก็อาจถูกถอนออกหมด
- บัญชีใหม่ถูกเปิดได้ตลอดเวลา : มิจฉาชีพมักใช้วิธี “บัญชีม้า” โดยว่าจ้างผู้อื่นเปิดบัญชีและนำมาใช้ในการหลอกเหยื่อ
- ลดความเสี่ยงก่อนสูญเงินก้อนใหญ่ : การตรวจสอบแม้เพียงไม่กี่นาทีช่วยป้องกันการสูญเสียหลักหมื่นหลักแสน
วิธีเช็คชื่อบัญชีมิจฉาชีพ ก่อนโอนเงิน
1. ใช้เว็บไซต์และฐานข้อมูลทางการ
ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้รวบรวมฐานข้อมูล บัญชีมิจฉาชีพ ไว้ เช่น
- ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) - สามารถกรอกเลขบัญชีหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อตรวจสอบได้
- เว็บไซต์ blacklistseller.com - เป็นฐานข้อมูลที่ผู้เสียหายแจ้งเข้ามาโดยตรง มีทั้งเลขบัญชีและชื่อผู้ใช้
2. เสิร์ชจาก Google หรือโซเชียลมีเดีย
บางครั้งแค่กรอก เลขบัญชี หรือ ชื่อ-นามสกุลเจ้าของบัญชี ใน Google ก็จะเจอรายงานจากผู้เสียหายรายอื่น หรือโพสต์เตือนในกลุ่มเฟซบุ๊กทันที
3. โทรสอบถามธนาคาร
หากสงสัยว่าบัญชีที่ได้รับมาอาจเป็นบัญชีหลอกลวง สามารถติดต่อ คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารเจ้าของบัญชี เพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นได้ แม้จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดผู้ถือบัญชี แต่ธนาคารสามารถยืนยันได้ว่ามีการ “ระงับ/แจ้งเตือน” บัญชีนี้หรือไม่
4. ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขาย
การเช็คเลขบัญชีอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องดูพฤติกรรมด้วย เช่น
- เร่งรัดให้โอนเร็วๆ
- ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนจริง
- ใช้ชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อร้านค้า
- เสนอราคาถูกเกินจริงจนไม่น่าเชื่อ
5. ใช้บริการชำระเงินที่ปลอดภัย
หากเป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม ควรเลือกช่องทางที่มีระบบ Escrow (เก็บเงินไว้ก่อน จ่ายให้เมื่อของส่งถึง) เช่น Shopee หรือ Lazada เพื่อลดความเสี่ยง
สัญญาณเตือนว่าบัญชีนี้อาจเป็นมิจฉาชีพ
1. ราคาถูกผิดปกติ - สินค้าราคาต่ำกว่าตลาดมากๆ
2. เร่งให้โอนทันที - ใช้คำพูดเช่น “ของมีน้อย” “ถ้าไม่รีบโอนเดี๋ยวหมด”
3. ไม่ยอมเปิดเผยตัวจริง - ไม่ส่งบัตรประชาชนหรือรายละเอียดร้าน
4. ใช้บัญชีคนอื่น - อ้างว่า “บัญชีมีปัญหา” แล้วให้โอนเข้าบัญชีใหม่แทน
5. ไม่มีรีวิวหรือหลักฐานการขาย - ขาดความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์
ถ้าโอนเงินไปแล้ว ควรทำอย่างไร?
1. ติดต่อธนาคารทันที เพื่ออายัดบัญชีและติดตามเส้นทางการเงิน (ควรรีบทำภายในไม่กี่ชั่วโมงแรก)
2. แจ้งความกับตำรวจ พร้อมนำหลักฐานการโอน แชทสนทนา และประกาศขายทั้งหมด
3. แจ้งผ่านระบบออนไลน์ของ ศปอส.ตร. เพื่อเพิ่มเลขบัญชีเข้าสู่ฐานข้อมูล บัญชีมิจฉาชีพ ป้องกันไม่ให้หลอกคนอื่นซ้ำ
4. ติดตามสถานะคดี แม้บางครั้งการได้เงินคืนอาจใช้เวลานานหรือเป็นไปได้ยาก แต่การดำเนินคดีช่วยปิดกั้นไม่ให้มิจฉาชีพใช้บัญชีนี้ต่อไป
วิธีป้องกันตัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ
- หมั่นตรวจสอบเลขบัญชีมิจฉาชีพทุกครั้งก่อนโอน
- ใช้หลัก “ไม่รีบ” - ถ้ามีการเร่งรัด มักเป็นสัญญาณเตือน
- ใช้การโอนผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ ไม่โอนตรงเข้าบัญชีส่วนตัวที่ไม่รู้จัก
- อย่าโอนให้บุคคลที่ไม่รู้จัก แม้จะอ้างว่าเป็นเพื่อนของเพื่อน
- หากเป็นการซื้อขาย ควรเลือกวิธี เก็บเงินปลายทาง
สรุป
บัญชีมิจฉาชีพยังคงเป็นภัยใกล้ตัวสำหรับคนที่ต้องโอนเงินหรือซื้อขายออนไลน์เป็นประจำ การเช็คชื่อบัญชีมิจฉาชีพและตรวจสอบเลขบัญชีมิจฉาชีพจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยง การเสียเวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตรวจสอบ อาจช่วยป้องกันไม่ให้สูญเงินหลักหมื่นหลักแสนได้
ในยุคที่มิจฉาชีพพัฒนากลยุทธ์ใหม่ตลอดเวลา ความรอบคอบและสติยังคงเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด หากทุกคนช่วยกันตรวจสอบและแจ้งเตือนเมื่อพบพฤติกรรมผิดปกติ ก็จะเป็นการปิดช่องทางให้มิจฉาชีพลงได้มากขึ้น และทำให้สังคมออนไลน์น่าเชื่อถือและปลอดภัยกว่าเดิม
สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 14 ต.ค. 2568
บทความอื่น ๆ
วิ่งส่งของหนักทุกวันต้องรู้! เช็กลิสต์ดูแลรถก่อนออกถนนให้ปลอดภัยทุกเที่ยว
ขับรถส่งของทุกวันอย่าลืมดูแลรถให้พร้อมก่อนออกถนน รวมเช็คลิสต์ตรวจรถง่าย ๆ ที่ช่วยยืดอายุรถ ประหยัดค่าน้ำมัน และลดอุบัติเหตุได้จริง
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
จอดรถกลางแดดทุกวัน เสี่ยงอะไรบ้าง? รวม วิธีป้องกันไม่ให้รถพังไว!
จอดรถตากแดดทุกวันไม่ใช่เรื่องเล็ก! รู้ไหมว่าทำให้สีซีด เบาะพัง แบตเสื่อมเร็ว มาดูวิธีดูแลรถให้ทนแดดและใช้งานได้นานขึ้น
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
ยืดอายุรถใช้งานให้นานขึ้น! ด้วย เคล็ด(ไม่)ลับดูแลรถที่คนมักมองข้าม
รถคือทรัพย์สินที่มีมูลค่า ยิ่งดูแลถูกวิธี ยิ่งใช้ได้นาน รู้ไหมว่าพฤติกรรมดูแลรถเล็กๆ ที่เรามักมองข้าม อาจทำให้รถพังเร็วโดยไม่รู้ตัว
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568