ยืดอายุรถใช้งานให้นานขึ้น! ด้วย เคล็ด(ไม่)ลับดูแลรถที่คนมักมองข้าม
คุณเคยรู้สึกแบบนี้ไหม? รถที่ยังดูใหม่และใช้งานได้ปกติ แต่จู่ๆ เริ่มมีเสียงแปลกๆ เวลาขับ หรือมีไฟเตือนบนหน้าปัดโชว์ขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านการตรวจเช็กมาไม่นาน หรือบางทีอาจเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนรู้สึกว่ารถเริ่มเสียบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
รถยนต์เป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีมูลค่าลดลงทุกวัน แต่ถ้ารู้จักดูแลรักษารถอย่างถูกวิธี คุณสามารถยืดอายุการใช้งานได้อีกหลายปี ช่วยประหยัดทั้งค่าซ่อมและค่าใช้จ่ายในอนาคต บทความนี้จะแนะนำเคล็ดลับการดูแลรถที่มักถูกมองข้าม แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยืดอายุการใช้งานรถยนต์ของคุณ
รถก็เหมือนร่างกาย ถ้าเช็กสม่ำเสมอ ก็อยู่กับเราได้นาน
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการดูแลรถยนต์คือการซ่อมเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้ว การดูแลรถที่ดีที่สุดคือการ "ป้องกันก่อนพัง" ซึ่งทำได้ง่ายๆ ด้วยการตรวจสอบสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนการดูแลสุขภาพร่างกายด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี
1. ตรวจระดับน้ำมันและของเหลวสำคัญ
- น้ำมันเครื่อง : ตรวจระดับให้อยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX บนก้านวัด
- น้ำในหม้อน้ำ : ดูระดับน้ำหล่อเย็นในถังพัก ควรอยู่ในระดับที่กำหนด
- น้ำฉีดกระจก : เติมให้เพียงพอ โดยเฉพาะในหน้าฝน
- น้ำมันเบรก : ระดับควรอยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX ถ้าลดลงเรื่อยๆ อาจมีการรั่วในระบบ
2. ตรวจสอบยาง
- ตรวจแรงดันลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- ดูการสึกหรอของดอกยาง หากสึกไม่เท่ากัน อาจมีปัญหาเรื่องศูนย์ล้อ
3. ระบบเบรกและไฟส่องสว่าง
- ทดสอบเบรกว่าทำงานปกติ ไม่มีเสียงผิดปกติ
- ตรวจไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว และไฟเบรกว่าทำงานปกติ
- ตรวจที่ปัดน้ำฝนว่ายังทำงานได้ดี ไม่มีรอยฉีกขาด
4. การตรวจฟังเสียงผิดปกติ
- ฟังเสียงเครื่องยนต์ขณะสตาร์ทและขณะขับ
- สังเกตเสียงผิดปกติจากช่วงล่าง โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ
น้ำมันเครื่อง – หัวใจของเครื่องยนต์ที่ห้ามลืม
น้ำมันเครื่องเปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจของรถยนต์ มีหน้าที่สำคัญในการหล่อลื่นชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวภายในเครื่องยนต์ ลดการเสียดสีและการสึกหรอ รวมถึงช่วยระบายความร้อนและทำความสะอาดเครื่องยนต์จากเศษโลหะและสิ่งสกปรก การดูแลรถให้น้ำมันเครื่องอยู่ในสภาพดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการยืดอายุเครื่องยนต์
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ถูกต้อง :
1. ความถี่ในการเปลี่ยน : ควรเปลี่ยนทุก 5,000-10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน แล้วแต่ว่าอย่างไหนถึงก่อน (อ้างอิงตามคู่มือประจำรถแต่ละรุ่น)
2. เลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถ : ตรวจสอบเกรดและมาตรฐานที่ผู้ผลิตแนะนำในคู่มือรถ
3. เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่องพร้อมกัน : หลายคนมักมองข้ามการเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง ทั้งที่มันมีความสำคัญไม่แพ้น้ำมันเครื่อง หากเปลี่ยนแต่น้ำมันโดยไม่เปลี่ยนไส้กรอง น้ำมันใหม่จะปนเปื้อนกับสิ่งสกปรกในไส้กรองเก่าและเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
4. ตรวจระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ : ควรตรวจสอบเดือนละครั้ง โดยเฉพาะในรถที่ใช้งานมานาน เนื่องจากอาจมีการรั่วซึมหรือเครื่องยนต์กินน้ำมันมากขึ้น
ยางรถดี ช่วยทั้งความปลอดภัยและกระเป๋าเงิน
ยางรถยนต์เป็นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง และมีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ของความปลอดภัย สมรรถนะการขับขี่ และการประหยัดพลังงาน การดูแลรักษารถในส่วนของยางจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
1. ตรวจแรงดันลมยางสม่ำเสมอ
- ตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนเดินทางไกล
- ปรับแรงดันลมยางตามค่ามาตรฐานที่ระบุในคู่มือรถหรือสติกเกอร์ที่ติดอยู่ที่ขอบประตูฝั่งคนขับ
- ยางที่มีแรงดันไม่เหมาะสม ทั้งมากเกินไปหรือน้อยเกินไป จะสึกหรอเร็วกว่าปกติและสิ้นเปลืองน้ำมัน
2. สลับยางและตั้งศูนย์ล้อตามกำหนด
- สลับตำแหน่งยางทุก 8,000-10,000 กิโลเมตร เพื่อให้ยางสึกอย่างสม่ำเสมอทุกเส้น
- ตั้งศูนย์ล้อเมื่อรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่น หรือรถวิ่งเอียงซ้าย-ขวา หรืออย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- ยางที่สึกไม่เท่ากัน มักบ่งชี้ถึงปัญหาในระบบช่วงล่างที่ควรได้รับการแก้ไข
3. ตรวจสอบอายุยาง
- ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานจำกัด แม้จะดูดีจากภายนอก
- ตรวจสอบวันผลิตยางได้จากรหัส DOT บนแก้มยาง (เช่น 1021 หมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 10 ของปี 2021)
- ยางที่มีอายุเกิน 5 ปี ควรได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ และยางที่มีอายุเกิน 10 ปี ควรเปลี่ยนแม้จะยังมีดอกยางเหลืออยู่
4. รักษาความสะอาดของยาง
- ทำความสะอาดยางและกระทะล้อเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากขับผ่านพื้นที่ที่มีโคลนหรือสารเคมีบนถนน
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนยาง
อย่ารอให้ไฟเตือนขึ้นถึงจะเข้าศูนย์
ระบบไฟเตือนบนหน้าปัดรถยนต์เปรียบเสมือน "สัญญาณเตือนสุขภาพรถ" ที่บ่งบอกว่ามีบางอย่างผิดปกติในระบบใดระบบหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่หลายคนมักละเลยสัญญาณเตือนเหล่านี้จนกว่าปัญหาจะลุกลามจนสร้างความเสียหายมากขึ้น
1. ไฟเตือน Check Engine (รูปเครื่องยนต์)
- เป็นสัญญาณเตือนว่ามีปัญหาในระบบเครื่องยนต์หรือระบบควบคุมการปล่อยมลพิษ
- สาเหตุอาจเกิดได้จากหลายอย่าง ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยเช่นฝาปิดถังน้ำมันหลวม ไปจนถึงปัญหาใหญ่เช่นเซ็นเซอร์ออกซิเจนเสีย หรือระบบจุดระเบิดมีปัญหา
- ควรนำรถเข้าตรวจทันทีเมื่อพบไฟเตือนนี้ เพราะการปล่อยไว้อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายมากขึ้น และสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น
2. ไฟเตือนระบบเบรก ABS
- บ่งบอกถึงปัญหาในระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock Braking System)
- แม้รถยังเบรกได้ปกติ แต่ระบบป้องกันล้อล็อกอาจไม่ทำงาน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในสภาพถนนลื่น
- ควรเข้ารับการตรวจสอบโดยเร็ว โดยเฉพาะหากต้องขับขี่ในสภาพถนนที่เปียกหรือลื่น
3. ไฟเตือนน้ำมันเครื่อง
- บ่งชี้ว่าระดับน้ำมันเครื่องต่ำเกินไปหรือแรงดันน้ำมันเครื่องไม่เพียงพอ
- ปัญหานี้อันตรายมาก ควรหยุดรถทันทีและตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง
- หากปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปโดยไม่มีน้ำมันเครื่องเพียงพอ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายอย่างรุนแรงจนต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่
4. ไฟเตือนแบตเตอรี่
- แสดงว่ามีปัญหาในระบบชาร์จไฟ อาจเกิดจากไดชาร์จเสีย สายพานขาด หรือแบตเตอรี่เสื่อม
- ควรตรวจสอบโดยเร็ว มิฉะนั้นอาจทำให้รถดับกลางทางเนื่องจากไฟหมด
ล้างรถแค่เพื่อความสวย? จริงๆ แล้วช่วยยืดอายุสีและชิ้นส่วน
หลายคนอาจมองว่าการล้างรถเป็นเพียงเรื่องของความสวยงามและความสะอาดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว การทำความสะอาดรถอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนสำคัญของการดูแลรักษารถให้มีอายุการใช้งานยาวนาน ฝุ่นละออง คราบโคลน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคราบน้ำเกลือจากถนนในบางพื้นที่ สามารถกัดกร่อนสีรถและชิ้นส่วนโลหะได้หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน
1. ความถี่ในการล้างรถ
- ล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหากใช้งานเป็นประจำ
- หากจอดรถกลางแจ้งหรือในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง ควรล้างบ่อยขึ้น
- ล้างรถทันทีหลังจากเดินทางในพื้นที่ชายทะเลหรือถนนที่มีการโรยเกลือ (ในประเทศหนาวที่มีหิมะ)
2. วิธีล้างรถที่ถูกต้อง
- ล้างในที่ร่ม หรือช่วงเช้า/เย็นเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ซึ่งอาจทำให้น้ำยาล้างรถแห้งเร็วเกินไปและทิ้งคราบบนตัวถัง
- ใช้น้ำยาล้างรถที่ออกแบบมาสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ ไม่ใช้น้ำยาล้างจานหรือสบู่ทั่วไปซึ่งอาจทำลายเคลือบสี
- เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ทุกครั้งหลังล้าง เพื่อป้องกันคราบน้ำฝังแน่น
3. การเคลือบสีและแว็กซ์
- เคลือบแว็กซ์รถทุก 3-6 เดือนเพื่อป้องกันสีรถจากแสงแดดและสารเคมีต่างๆ
- พิจารณาการเคลือบเซรามิกสำหรับการปกป้องระยะยาว (1-5 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์)
4. อย่าลืมส่วนอื่นๆ นอกจากตัวถัง
- ทำความสะอาดล้อและยางเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นเบรกซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน
- ดูแลซีลยางรอบประตูและหน้าต่างด้วยผลิตภัณฑ์รักษายาง เพื่อป้องกันการแตกและรั่วซึม
- ทำความสะอาดใต้ท้องรถเป็นระยะ โดยเฉพาะหลังขับผ่านพื้นที่ที่มีโคลนหรือน้ำทะเล
สรุป
รถยนต์ เป็นทรัพย์สินที่มีการเสื่อมมูลค่าอย่างต่อเนื่องทุกวัน แต่การดูแลรักษารถอย่างถูกวิธีสามารถชะลอการเสื่อมราคาและยืดอายุการใช้งานได้อย่างมาก ทุกๆ ครั้งที่คุณเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามกำหนด ตรวจเช็กแรงดันลมยาง หรือขับขี่อย่างมีสติ คุณไม่ได้เพียงดูแลรถเท่านั้น แต่ยังกำลังประหยัดเงินค่าซ่อมและค่าใช้จ่ายในอนาคตอีกด้วย
เพราะสุดท้ายแล้ว รถที่อยู่กับเรานานไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์หรือราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการที่เจ้าของ "ดูแลด้วยใจ" การลงทุนเวลาและความใส่ใจในการดูแลรถยนต์วันนี้ จะช่วยให้คุณประหยัดเงินและหลีกเลี่ยงความยุ่งยากในอนาคต ทำให้รถของคุณไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น แต่ยังวิ่งได้อย่างปลอดภัยและทนทานอีกหลายปี
สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
บทความอื่น ๆ
วิ่งส่งของหนักทุกวันต้องรู้! เช็กลิสต์ดูแลรถก่อนออกถนนให้ปลอดภัยทุกเที่ยว
ขับรถส่งของทุกวันอย่าลืมดูแลรถให้พร้อมก่อนออกถนน รวมเช็คลิสต์ตรวจรถง่าย ๆ ที่ช่วยยืดอายุรถ ประหยัดค่าน้ำมัน และลดอุบัติเหตุได้จริง
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
จอดรถกลางแดดทุกวัน เสี่ยงอะไรบ้าง? รวม วิธีป้องกันไม่ให้รถพังไว!
จอดรถตากแดดทุกวันไม่ใช่เรื่องเล็ก! รู้ไหมว่าทำให้สีซีด เบาะพัง แบตเสื่อมเร็ว มาดูวิธีดูแลรถให้ทนแดดและใช้งานได้นานขึ้น
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
รถเสียไม่ใช่เรื่องเล็ก! วางแผนเงินสำรองยังไงให้พร้อมทุกเหตุการณ์
รถเสียทีค่าใช้จ่ายบาน! วางแผนเงินสำรองยังไงให้ซ่อมรถได้ไม่สะดุด พร้อมเทคนิคเก็บเงินแบบเจ้าของรถยุคใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งหนี้
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568