รถมีกลิ่นอับแต่ไม่ชอบน้ำหอมแรง? รวมวิธีทำให้รถหอมแบบธรรมชาติ นั่งสบายไม่เวียนหัว
หลายคนคงเคยประสบปัญหารถมีกลิ่นอับ กลิ่นอับชื้น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ การใช้น้ำหอมรถกลิ่นแรงอาจทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเวียนหัวได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องขับรถระยะไกล วันนี้ เงินให้ใจจะมาแนะนำวิธีทำให้รถหอมแบบธรรมชาติ รวมถึงการดับกลิ่นรถที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณได้นั่งรถอย่างสบายและปลอดภัย

สาเหตุที่ทำให้รถมีกลิ่นอับ
ก่อนจะแก้ปัญหา ควรเข้าใจสาเหตุของกลิ่นในรถก่อน เพื่อจะได้แก้ไขตรงจุด
สาเหตุหลักที่ทำให้รถมีกลิ่นอับ :
- ความชื้นสะสมในรถ โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน
- ระบบแอร์สกปรก มีเชื้อราและแบคทีเรีย
- พรมปูพื้นรถเปียกชื้น
- เบาะเปียกน้ำและไม่ได้ทำความสะอาด
- เศษอาหารตกค้างในรถ
- ควันบุหรี่ซึมติดภายในรถ
- สัตว์เลี้ยงขึ้นรถเป็นประจำ
- รถมีอายุมากและไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษ
กลิ่นเฉพาะที่พบบ่อย :
- รถเหม็นกลิ่นน้ำมัน: อาจเกิดจากน้ำมันรั่ว หรือเครื่องยนต์มีปัญหา
- รถเหม็นกลิ่นอาหารทะเล: เกิดจากการนำอาหารทะเลขึ้นรถและไม่ได้ทำความสะอาดทันที
- กลิ่นเหม็นอับจากแอร์: ระบบแอร์มีเชื้อราหรือน้ำไม่ระบายออก
- กลิ่นควันบุหรี่: ซึมติดที่เบาะ ฝ้าเพดาน และทุกซอกมุม
วิธีดับกลิ่นรถแบบธรรมชาติ
1. ผงเบกกิ้งโซดา - ตัวช่วยดูดกลิ่นอับ
วิธีใช้ :
- โรยผงเบกกิ้งโซดาบนพรมและเบาะนั่ง
- ทิ้งไว้ข้ามคืน (8-12 ชั่วโมง)
- ดูดฝุ่นออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น
- ทำซ้ำทุก 1-2 เดือน
ข้อดี :
- ดูดซับกลิ่นได้ดีเยี่ยม
- ราคาถูก หาซื้อง่าย
- ปลอดภัย ไม่มีสารเคมี
- ช่วยดูดความชื้นในรถ
เคล็ดลับเพิ่มเติม : ใส่ผงเบกกิ้งโซดาในถุงผ้าหรือถุงตาข่าย วางไว้ใต้เบาะหรือในช่องเก็บของ จะช่วยดูดกลิ่นและความชื้นได้ตลอดเวลา
2. ถ่านชาโคล - กำจัดกลิ่นอับอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีใช้ :
- ซื้อถ่านไม้ไผ่หรือถ่าน Activated Charcoal
- ใส่ถุงผ้าแล้ววางในรถ 2-3 จุด
- เปลี่ยนถ่านทุก 2-3 เดือน
- สามารถนำออกตากแดดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ข้อดี :
- ดูดซับกลิ่นและความชื้นได้ดีมาก
- ใช้ได้นาน ประหยัด
- ไม่มีกลิ่นรบกวน
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จุดที่ควรวาง :
- ใต้เบาะหน้า
- ในกระเป๋าด้านหลังเบาะ
- ช่องเก็บของในท้ายรถ
- ใกล้ช่องแอร์
3. น้ำส้มสายชู - ขจัดกลิ่นเหม็นอับ
วิธีใช้ :
- ผสมน้ำส้มสายชูขาว : น้ำ = 1:1
- ฉีดพ่นบนพรมและเบาะ
- ทิ้งไว้ 15-20 นาที
- เช็ดด้วยผ้าชื้นแล้วตากให้แห้ง
ข้อดี :
- กำจัดแบคทีเรียและเชื้อรา
- ขจัดกลิ่นควันบุหรี่ได้ดี
- ราคาถูกมาก
- ปลอดภัย ไม่มีสารพิษ
ข้อควรระวัง : กลิ่นน้ำส้มสายชูอาจจะแรงในตอนแรก แต่จะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง ควรเปิดประตูรถระบายอากาศ
4. เปลือกส้ม มะนาว หรือผลไม้สด
วิธีใช้ :
- ปอกเปลือกส้มหรือมะนาวสด
- วางในถ้วยหรือถุงผ้าระบายอากาศ
- วางในรถ 2-3 วัน
- เปลี่ยนใหม่เมื่อเปลือกแห้งหรือเหี่ยว
ข้อดี :
- กลิ่นหอมสดชื่นธรรมชาติ
- ไม่มีสารเคมี
- ราคาถูก ทำเองได้
- ช่วยดับกลิ่นอับและกลิ่นควัน
ผลไม้ที่แนะนำ :
- ส้ม: กลิ่นสดชื่น ช่วยปลุกความสดชื่น
- มะนาว: กลิ่นเปรียวสดใส ขจัดกลิ่นเหม็นคาว
- โหระพา: กลิ่นหอมสมุนไพร ช่วยผ่อนคลาย
- กาแฟบด: ดูดซับกลิ่นได้ดี แต่อาจมีกลิ่นกาแฟติดรถ
5. น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ
วิธีใช้ :
- เลือกน้ำมันหอมระเหยที่ชอบ เช่น ลาเวนเดอร์ เปปเปอร์มินท์ ยูคาลิปตัส
- หยดลงบนลูกบอลสักหลาด 3-5 หยด
- วางในตำแหน่งที่ต้องการ
- เติมน้ำมันใหม่เมื่อกลิ่นจางลง (ทุก 3-7 วัน)
กลิ่นแนะนำและคุณสมบัติ :
- ลาเวนเดอร์: ช่วยผ่อนคลาย ลดความเครียด
- เปปเปอร์มินท์: ปลุกความสดชื่น ช่วยให้ตื่นตัว
- มะนาว: สดชื่น ช่วยขจัดกลิ่นอับ
- ยูคาลิปตัส: สดชื่น ช่วยระบบหายใจ
- ทีทรี: ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขจัดกลิ่นอับ
วิธีทำกระจายกลิ่น DIY :
- เตรียมขวดสเปรย์ขนาด 100 มล.
- ใส่น้ำกลั่น 90 มล.
- ใส่แอลกอฮอล์ 70% จำนวน 10 มล.
- หยดน้ำมันหอมระเหย 10-15 หยด
- เขย่าให้เข้ากัน แล้วฉีดในรถตามต้องการ
6. ถุงชาแห้ง - ดูดซับความชื้นและกลิ่น
วิธีใช้ :
- ใช้ถุงชาใหม่หรือที่ชงแล้ว (ตากให้แห้งก่อน)
- วางในรถ 3-5 ถุง
- เปลี่ยนใหม่ทุก 1-2 สัปดาห์
ข้อดี :
- ดูดซับความชื้นได้ดี
- กลิ่นอ่อนๆ ไม่ฉุน
- ราคาถูก หาง่าย
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ชาที่แนะนำ :
- ชาเขียว: กลิ่นหอมสดชื่น
- ชามะลิ: หอมละมุนผ่อนคลาย
- ชาอู่หลง: กลิ่นหอมนุ่มนวล
การทำความสะอาดรถเพื่อกำจัดต้นตอกลิ่น
อาการที่บ่งบอกว่าแอร์ต้องทำความสะอาด:
- มีกลิ่นอับเมื่อเปิดแอร์
- กลิ่นเหม็นชื้นหรือเหม็นขึ้นรา
- น้ำแอร์ไหลมากผิดปกติ
- ลมแอร์ไม่เย็นเท่าที่ควร
วิธีทำความสะอาด :
1. ทำความสะอาดช่องแอร์ด้วยแปรงนุ่ม
2. ใช้สเปรย์ทำความสะอาดระบบแอร์
3. เปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก 10,000-15,000 กม.
4. ล้างระบบระบายน้ำแอร์
5. ควรให้ช่างเช็คระบบแอร์ปีละ 1-2 ครั้ง
ค่าใช้จ่าย :
- ทำความสะอาดระบบแอร์: 500-1,500 บาท
- เปลี่ยนไส้กรองแอร์: 200-800 บาท
- บำรุงระบบแอร์: 1,000-3,000 บาท
ทำความสะอาดเบาะและพรม
ขั้นตอน :
1. ดูดฝุ่นทั่วทั้งรถอย่างละเอียด
2. ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะ (เลือกแบบไม่มีกลิ่นแรง)
3. ขัดด้วยแปรงนุ่ม
4. ดูดน้ำด้วยเครื่องดูดน้ำ หรือใช้ผ้าซับ
5. ตากให้แห้งสนิท โดยเปิดประตูรถทุกบาน
สำหรับคราบและกลิ่นพิเศษ :
- รถเหม็นกลิ่นน้ำมัน: ใช้ผงซักฟอกผสมน้ำอุ่นขัด
- รถเหม็นกลิ่นอาหารทะเล: ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำล้าง
- กลิ่นอาเจียน: ใช้เบกกิ้งโซดาโรยทิ้งไว้แล้วดูดออก
- กลิ่นปัสสาวะสัตว์เลี้ยง: ใช้น้ำยาเฉพาะสำหรับกำจัดกลิ่น
ทำความสะอาดท้ายรถ
ขั้นตอน :
1. เอาของออกทั้งหมด
2. ดูดฝุ่นและขยะ
3. เช็ดพื้นและผนังด้วยผ้าชุบน้ำยา
4. ตรวจสอบรอยรั่วหรือความชื้น
5. ตากให้แห้งและวางซิลิกาเจลดูดความชื้น
เคล็ดลับป้องกันกลิ่นอับในรถ ฉบับคนใช้รถหนัก
1. ระบายอากาศเป็นประจำ
- เปิดประตูรถทิ้งไว้ 10-15 นาทีทุกวัน
- เปิดหน้าต่างขณะขับเป็นครั้งคราว
- อย่าปิดรถสนิททุกช่องทางตลอดเวลา
2. ดูแลความชื้นในรถ
- ไม่ทิ้งผ้าเปียกหรือของเปียกไว้ในรถ
- วางซิลิกาเจลหรือถ่านช่วยดูดความชื้น
- ตรวจสอบรอยรั่วของน้ำฝน
3. รักษาความสะอาด
- ไม่กินอาหารในรถ หรือหากกินต้องทำความสะอาดทันที
- เช็ดฝุ่นและดูดฝุ่นสัปดาห์ละครั้ง
- ห้ามสูบบุหรี่ในรถ
4. ตากรถเป็นระยะ
- จอดรถในที่โล่งแดด
- เปิดประตูทุกบานตากอากาศ 30 นาที
- ทำเดือนละ 1-2 ครั้ง
5. ใช้ผ้าคลุมเบาะ
- ป้องกันเบาะสกปรกและซับความชื้น
- ถอดซักได้ง่าย
- รักษาสภาพเบาะให้ดีขึ้น
สรุป
การทำให้รถหอมและไม่มีกลิ่นอับไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหอมรถกลิ่นแรงที่อาจทำให้เวียนหัว วิธีธรรมชาติอย่างการใช้เบกกิ้งโซดา ถ่านชาโคล เปลือกส้ม หรือน้ำมันหอมระเหยจะช่วยให้รถของคุณหอมสดชื่นอย่างอ่อนโยนและปลอดภัย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาความสะอาดและป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นตั้งแต่แรก ทำความสะอาดเป็นประจำ ระบายอากาศ และดูแลระบบแอร์ให้ดี รถของคุณก็จะหอมสดชื่นอยู่เสมอ ทำให้การขับขี่เป็นเรื่องสนุกและสบายมากขึ้น
สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2568
บทความอื่น ๆ
มือใหม่แต่งรถต้องรู้! เคล็ดลับแต่งรถให้สวย ไม่ผิดกฎหมาย ไม่โดนจับ
อยากแต่งรถยนต์ให้สวยแต่กลัวผิดกฎหมาย? เรียนรู้เคล็ดลับแต่งรถสำหรับมือใหม่ พร้อมแนะนำอุปกรณ์แต่งรถที่ถูกกฎหมายและไม่ถูกกฎหมาย
เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2568
5 สัญญาณเตือนว่าถึงเวลา “เช็คใหญ่” ก่อนพังกลางทาง
รถมีอาการแปลกๆ? อาจถึงเวลาเช็คระยะรถยนต์แล้ว! เรียนรู้ 5 สัญญาณเตือนที่บอกว่าควรซ่อมรถด่วน พร้อมวิธีเช็คเบื้องต้น
เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2568
รถจอดนานต้องดูอะไรบ้าง? ป้องกันแบตหมด ยางแบน เครื่องพัง
คู่มือเตรียมความพร้อมและดูแลรถเมื่อต้องรถจอดนาน เพื่อป้องกันปัญหาแบตรถหมด, ยางแบน, รถจอดนานสตาร์ทไม่ติด และเทคนิคการบำรุงรักษาก่อนนำรถกลับมาใช้
เผยแพร่ 17 ธ.ค. 2568