ค่าเสื่อมราคา
ค่าเสื่อมราคารถยนต์

ค่าเสื่อมราคารถยนต์: ตัวการลับที่ทำให้รถคุณมูลค่าลดไม่รู้ตัว

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมรถยนต์ที่เพิ่งซื้อมาด้วยราคาแพงลิบ กลับมีมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปี? คำตอบอยู่ที่ "ค่าเสื่อมราคา" - ตัวการลับที่ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของคุณลดลงโดยที่คุณอาจไม่ทันได้สังเกต ในขณะที่หลายคนมุ่งความสนใจไปที่ดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ แต่มักมองข้ามค่าเสื่อมราคาซึ่งอาจเป็นต้นทุนที่สูงกว่ามาก บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณไปทำความเข้าใจเรื่อง ค่าเสื่อมราคารถยนต์ อย่างถ่องแท้ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจซื้อรถได้อย่างชาญฉลาดและวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าเสื่อมราคา คืออะไร และทำไมคุณต้องรู้?

ค่าเสื่อมราคา คือ การลดลงของมูลค่าทรัพย์สินเมื่อเวลาผ่านไป ในกรณีของรถยนต์ มันหมายถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณซื้อรถและราคาที่คุณสามารถขายรถคันนั้นได้ในปัจจุบัน

เหตุผลที่คุณควรให้ความสนใจกับค่าเสื่อมราคารถยนต์ :

1. เป็นต้นทุนที่มองไม่เห็น - ไม่เหมือนเงินดาวน์หรือค่างวดสินเชื่อรถยนต์ที่คุณเห็นเป็นตัวเลขชัดเจน

2. มีผลกระทบมหาศาลต่อทรัพย์สินของคุณ - รถยนต์ใหม่อาจสูญเสียมูลค่าถึง 20-30% ในปีแรก

3. ส่งผลต่อการตัดสินใจทางการเงิน - จะซื้อรถใหม่หรือรถมือสอง? จะเก็บรถไว้นานแค่ไหน?

4. มีผลต่อวงเงินสินเชื่อรถยนต์ - หากคุณต้องการขายรถก่อนผ่อนหมด อาจเจอสถานการณ์ที่ราคาขายต่ำกว่ายอดหนี้คงเหลือ

รถยนต์ใหม่เสื่อมราคาเร็วแค่ไหน? ตัวเลขที่คุณต้องตกใจ

คุณอาจเคยได้ยินว่ารถยนต์ใหม่จะเสื่อมราคาทันทีที่ออกจากโชว์รูม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ค่าเสื่อมราคา นั้นรุนแรงแค่ไหน?

อัตราค่าเสื่อมราคารถยนต์ โดยเฉลี่ย

- เมื่อออกจากโชว์รูม: 5-10% (ใช่แล้ว คุณสูญเสียมูลค่าทันทีที่ขับออกมา!)

- ปีที่ 1: 15-25% เพิ่มเติม (รวมเป็น 20-35% จากราคาซื้อเริ่มต้น)

- ปีที่ 2: 10-15% เพิ่มเติม

- ปีที่ 3: 8-12% เพิ่มเติม

- ปีที่ 4-5: 5-7% ต่อปี

- หลังปีที่ 5: อัตราการเสื่อมราคาจะช้าลง เหลือประมาณ 3-5% ต่อปี

ตัวอย่างเช่น รถราคา 1,000,000 บาท อาจมีมูลค่าเหลือเพียง 650,000-800,000 บาทในปีแรก และลดลงเหลือประมาณ 400,000-500,000 บาทหลังผ่านไป 5 ปี

ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเสื่อมราคารถยนต์

ไม่ใช่ว่ารถทุกคันจะมีอัตราค่าเสื่อมราคาเท่ากัน ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมราคามีหลายข้อด้วยกันเช่น

1. ยี่ห้อและรุ่น

บางยี่ห้อรักษามูลค่าได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และมักรักษามูลค่าได้ดีกว่ายี่ห้ออื่น

2. อายุและระยะทาง

ยิ่งรถเก่ามากหรือวิ่งมากเท่าไร ค่าเสื่อมราคายิ่งสูงขึ้นเท่านั้น โดยเฉลี่ยรถที่วิ่งเกิน 20,000 กม./ปี จะเสื่อมราคาเร็วกว่ารถที่วิ่งน้อยกว่า

3. สภาพและประวัติการใช้งาน

รถที่บำรุงรักษาอย่างดีและมีประวัติอุบัติเหตุน้อยจะมีค่าเสื่อมราคาต่ำกว่า รถที่เคยเกิดอุบัติเหตุหนักอาจสูญเสียมูลค่าถึง 30% เมื่อเทียบกับรถรุ่นเดียวกันที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ

4. ความนิยมในตลาด

รถบางรุ่นที่มีความต้องการสูงในตลาดมือสองจะเสื่อมราคาช้ากว่า รถประเภท SUV และรถกระบะมักรักษามูลค่าได้ดีกว่ารถเก๋งทั่วไป

5. สีและอุปกรณ์เสริม

สีมาตรฐานเช่น ขาว, ดำ, เทา จะรักษามูลค่าได้ดีกว่าสีแปลกๆ ส่วนอุปกรณ์เสริมราคาแพงอาจไม่ช่วยเพิ่มมูลค่าขายต่อเท่าที่คุณจ่ายไป

6. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

รถรุ่นที่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่มักจะเสื่อมราคาเร็วกว่า ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว (เช่น รถไฟฟ้า) อาจทำให้รถรุ่นเก่าเสื่อมราคาเร็วขึ้น โดยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีอัตราการเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปภายในรุ่นเดียวกัน เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่รวดเร็วและความกังวลเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

5 วิธีลดผลกระทบจาก ค่าเสื่อมราคารถยนต์

การเสื่อมราคาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณสามารถลดผลกระทบได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. พิจารณาซื้อรถมือสอง 2-3 ปี

รถที่ผ่านการใช้งาน 2-3 ปีแรกมาแล้วจะผ่านช่วงค่าเสื่อมราคาที่สูงที่สุดไปแล้ว ทำให้คุณประหยัดได้มาก โดยที่รถยังอยู่ในสภาพดี และอาจยังมีการรับประกันจากโรงงานเหลืออยู่

2. เลือกยี่ห้อและรุ่นที่รักษามูลค่า

ก่อนซื้อ ควรวิจัยว่ายี่ห้อและรุ่นใดมีประวัติการรักษามูลค่าได้ดี แม้จะมีราคาแพงกว่าในตอนซื้อ แต่ค่าเสื่อมราคาที่ต่ำกว่าอาจทำให้ต้นทุนรวมถูกกว่าในระยะยาว

3. บำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ

การดูแลรถยนต์ตามกำหนดเวลา เก็บประวัติการซ่อมบำรุง และรักษาสภาพให้ดี จะช่วยชะลอค่าเสื่อมราคาและเพิ่มมูลค่าเมื่อต้องการขาย

4. ใช้งานอย่างเหมาะสม

ควบคุมระยะทางที่ใช้งานให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (ไม่เกิน 15,000-20,000 กม./ปี) หลีกเลี่ยงการขับที่ทำให้เกิดความเสียหาย และเก็บรักษาทั้งภายนอกและภายในให้ดี

5. วางแผนระยะเวลาการใช้งาน

หากคุณตั้งใจจะเปลี่ยนรถทุก 3-5 ปี ควรเลือกรถที่รักษามูลค่าได้ดี หากตั้งใจใช้งานระยะยาว (7-10 ปีขึ้นไป) ควรเลือกรถที่มีความทนทานสูง เพราะหลังจาก 5 ปีค่าเสื่อมราคาจะช้าลงมาก

สินเชื่อรถยนต์และความเสี่ยงจาก ค่าเสื่อมราคา

สินเชื่อรถยนต์ หรือการนำรถแลกเงินเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้มีรถสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อเสริมสภาพคล่อง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเสื่อมราคาและสินเชื่อรถยนต์มีความสำคัญที่ต้องพิจารณา

1. วงเงินสินเชื่อลดลงตาม ค่าเสื่อมราคา

เมื่อคุณนำรถไปขอ สินเชื่อรถยนต์ แบบรถแลกเงิน สถาบันการเงินจะประเมินมูลค่ารถตามสภาพปัจจุบัน ซึ่งได้หักลบค่าเสื่อมราคาไปแล้ว ทำให้วงเงินสินเชื่อที่ได้รับอาจต่ำกว่าที่คาดหวัง โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมาก

ตัวอย่างเช่น

- รถราคาซื้อใหม่ 1,000,000 บาท

- หลังผ่านไป 5 ปี มูลค่าตลาดอาจเหลือเพียง 400,000-500,000 บาท

- สถาบันการเงินมักประเมินต่ำกว่าราคาตลาดอีก 10-20% เพื่อลดความเสี่ยง

- วงเงินสินเชื่อที่ได้อาจเหลือเพียง 320,000-450,000 บาท หรือประมาณ 30-45% ของราคาซื้อเดิม

2. ผลกระทบต่อดอกเบี้ยและเงื่อนไขสินเชื่อ

รถที่มีค่าเสื่อมราคาสูงหรือเสื่อมราคาเร็วมักได้รับเงื่อนไขสินเชื่อที่ไม่ดีนัก เช่น

- อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

- ระยะเวลาผ่อนชำระสั้นลง

- วงเงินสินเชื่อที่ต่ำลง

- อาจต้องมีการจำนำทะเบียนแทนการโอนเล่ม ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยสูงกว่า

3. ข้อควรพิจารณาเมื่อใช้รถแลกเงิน

- พิจารณาทางเลือกอื่นก่อนหากรถของคุณมีมูลค่าเสื่อมราคาสูง

- เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายสถาบันการเงิน เนื่องจากการประเมินมูลค่ารถอาจแตกต่างกัน

- ตรวจสอบเงื่อนไขการไถ่ถอนและค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้ชัดเจน

- คำนวณต้นทุนรวมของสินเชื่อเทียบกับมูลค่ารถที่จะลดลงในอนาคต

สรุป

ค่าเสื่อมราคารถยนต์ เป็นต้นทุนที่มองไม่เห็นแต่มีผลกระทบอย่างมหาศาลต่อการเงินของคุณ มันอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดของการเป็นเจ้าของรถ มากกว่าค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา หรือแม้แต่ดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์

แต่แม้ว่าค่าเสื่อมราคาจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การรับรู้และวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อรถได้อย่างชาญฉลาดและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวของคุณ

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

สินเชื่อธุรกิจ

เศรษฐกิจชะลอ = โอกาสใหม่ของคนตัวเล็ก? คว้าโอกาสให้ทันก่อนหลุดมือ

ค้นพบโอกาสที่ซ่อนอยู่ในภาวะเศรษฐกิจชะลอ เรียนรู้ 6 โอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่ช่วยให้คุณพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสก่อนที่จะสายเกินไป

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

ดอกเบี้ยสูง

ดอกเบี้ยขาขึ้น! อุตสาหกรรมไหนรับทรัพย์? ใครต้องระวังตัว

เจาะลึกผลกระทบของดอกเบี้ยสูงต่อแต่ละภาคธุรกิจ ค้นพบอุตสาหกรรมที่รับทรัพย์ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ให้คุณสามารถบริหารเงินและสินเชื่อส่วนบุคคลในยุคดอกเบี้ยพุ่ง

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

วงเงินสินเชื่อ

Credit Utilization Rate สำคัญอย่างไร? ทำไมวงเงินเหลือเยอะ = โอกาสขอสินเชื่อผ่านมากขึ้น?

เรียนรู้ความสำคัญของ Credit Utilization Rate ต่อโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ พร้อมเทคนิค 5 ข้อในการลดอัตราการใช้วงเงินเพื่อเพิ่มโอกาสให้คุณสมัครสินเชื่อผ่านมากขึ้น

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568