การบริหาร เงิน
จ่ายหนี้ไม่ไหว ทําไงดี

หนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว! วิธีรับมืออย่างฉลาดเมื่อหนี้ถึงรุ่นลูก

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า "มรดก" และมักนึกถึงทรัพย์สินอันมีค่าที่จะได้รับจากผู้ล่วงลับไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามคือ "หนี้มรดก" ซึ่งเป็นภาระที่อาจถูกส่งต่อมาถึงทายาทโดยไม่รู้ตัว บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้มรดก สิทธิและหน้าที่ของทายาท รวมถึงวิธีรับมือ บริหารการเงิน เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ เพื่อให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาทางการเงินได้อย่างชาญฉลาด

หนี้มรดกคืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนเจอปัญหา

หนี้มรดก คือ หนี้สินของผู้เสียชีวิต (เจ้ามรดก) ที่มีอยู่ก่อนเสียชีวิต ซึ่งจะถูกส่งต่อมายังทายาทผู้รับมรดก โดยตามกฎหมายแล้ว เมื่อบุคคลใดเสียชีวิต ทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดของผู้นั้นจะกลายเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับหนี้มรดกที่ควรรู้

- เข้าใจผิดว่า "เมื่อเจ้าของหนี้เสียชีวิต หนี้สินจะหมดไปด้วย" - ความจริงคือ แม้เจ้าของหนี้จะเสียชีวิตแล้ว หนี้สินไม่ได้หมดไปโดยอัตโนมัติ แต่จะกลายเป็นภาระของกองมรดกที่ทายาทต้องจัดการ

- เข้าใจผิดว่า "ทายาทต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดของผู้ตาย" - ความจริงคือ ทายาทไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหนี้เกินกว่าทรัพย์สินที่ได้รับมรดก ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601

- เข้าใจผิดว่า "เจ้าหนี้สามารถทวงหนี้จากทายาทได้ไม่มีกำหนด" - ความจริงคือ เจ้าหนี้ต้องฟ้องคดีมรดกภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เจ้าหนี้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก

ใครบ้างที่มีสิทธิรับมรดกและต้องรับผิดชอบหนี้มรดก?

ตามกฎหมายไทย ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกและต้องรับผิดชอบหนี้มรดก แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ

1. ทายาทโดยธรรม

ทายาทโดยธรรม คือ ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกตามลำดับที่กฎหมายกำหนด ได้แก่

- ผู้สืบสันดาน (บุตร หลาน เหลน ฯลฯ)

- บิดามารดา

- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน

- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน

- ปู่ ย่า ตา ยาย

- ลุง ป้า น้า อา

นอกจากนี้ คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายก็ถือเป็นทายาทโดยธรรมด้วย โดยมีสิทธิได้รับมรดกร่วมกับทายาทลำดับอื่นๆ ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด

2. ทายาทโดยพินัยกรรม

ทายาทโดยพินัยกรรม คือ บุคคลที่เจ้ามรดกระบุไว้ในพินัยกรรมให้เป็นผู้รับมรดก ซึ่งอาจเป็นบุคคลในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่องค์กรการกุศลก็ได้

ทั้งทายาทโดยธรรมและทายาทโดยพินัยกรรมมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบหนี้มรดกตามสัดส่วนทรัพย์สินที่ได้รับ แต่ไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับมรดกนั้น

3 วิธีรับมือกับหนี้มรดกตามมูลค่าของหนี้และทรัพย์สิน

เมื่อต้องเผชิญกับหนี้มรดก วิธีการจัดการจะแตกต่างกันไปตามความสัมพันธ์ระหว่างมูลค่าของหนี้และทรัพย์สินในกองมรดก ดังนี้

กรณีที่ 1 : หนี้มีมูลค่าน้อยกว่าทรัพย์สิน

เมื่อมูลค่าของหนี้มรดกน้อยกว่ามูลค่าของทรัพย์สิน ทายาทมีทางเลือก 2 ทาง

1. ขายทรัพย์สินบางส่วนเพื่อชำระหนี้ : ทายาทสามารถเลือกขายทรัพย์สินบางส่วนจากกองมรดกเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ จากนั้นจึงแบ่งทรัพย์สินที่เหลือระหว่างทายาท

ตัวอย่าง : หากเจ้ามรดกมีบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท แต่มีหนี้สิน 1 ล้านบาท ทายาทสามารถขายบ้านและนำเงิน 1 ล้านบาทไปชำระหนี้ ส่วนที่เหลืออีก 1 ล้านบาทจะเป็นมรดกสุทธิที่แบ่งกันระหว่างทายาท

2. เก็บทรัพย์สินไว้และหาเงินมาชำระหนี้ : หากทายาทต้องการเก็บทรัพย์สินนั้นไว้ เช่น บ้านของพ่อแม่ที่มีคุณค่าทางจิตใจ ทายาทสามารถหาเงินมาชำระหนี้เอง และโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นมาเป็นของตน

ตัวอย่าง : ทายาทอาจกู้เงินจากสถาบันการเงิน 1 ล้านบาทเพื่อชำระหนี้มรดก และเก็บบ้านมูลค่า 2 ล้านบาทไว้

กรณีที่ 2 : หนี้มีมูลค่าเท่ากับทรัพย์สิน

ในกรณีที่มูลค่าของหนี้มรดกเท่ากับมูลค่าของทรัพย์สิน ทายาทมีทางเลือกดังนี้

1. หักลบกลบหนี้ : ทายาทสามารถมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้ไม่มีทรัพย์สินเหลือให้แบ่งปันระหว่างทายาท แต่ก็ไม่มีภาระหนี้สินหลงเหลือ

ตัวอย่าง : หากเจ้ามรดกมีบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท และมีหนี้สิน 2 ล้านบาท ทายาทสามารถโอนบ้านให้เจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้ทั้งหมด

2. รับโอนทรัพย์สินและรับภาระหนี้ : หากทายาทต้องการเก็บทรัพย์สินไว้ เช่น บ้านของพ่อแม่ ทายาทสามารถทำสินเชื่อเพื่อรับโอนทรัพย์สินและรับภาระหนี้ต่อ

ตัวอย่าง : ทายาทสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงิน 2 ล้านบาทเพื่อชำระหนี้มรดก และเก็บบ้านมูลค่า 2 ล้านบาทไว้

กรณีที่ 3 : หนี้มีมูลค่ามากกว่าทรัพย์สิน

กรณีนี้เป็นสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุด เมื่อมูลค่าของหนี้มรดกมากกว่ามูลค่าของทรัพย์สิน และจ่ายหนี้ไม่ไหว ทายาทมีทางเลือกดังนี้

1. สละมรดก : ทายาทสามารถสละสิทธิการรับมรดกทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ไม่ได้รับทั้งทรัพย์สินและไม่ต้องรับผิดชอบหนี้สิน

ตัวอย่าง : หากเจ้ามรดกมีบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท แต่มีหนี้สิน 3 ล้านบาท ทายาทสามารถสละสิทธิการรับมรดกได้

2. รับมรดกภายใต้สิทธิจำกัดความรับผิด : ทายาทสามารถรับมรดกโดยรับผิดชอบหนี้เพียงเท่ากับมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601

ตัวอย่าง : ทายาทยอมให้เจ้าหนี้ยึดบ้านมูลค่า 2 ล้านบาทเพื่อชำระหนี้บางส่วน ส่วนหนี้ที่เหลืออีก 1 ล้านบาท ทายาทไม่ต้องรับผิดชอบ

ในทุกกรณี ทายาทควรทำการตรวจสอบข้อมูลทรัพย์สินและหนี้สินอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ และอาจขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหรือการเงินเพื่อหาทางออกการปรับโครงสร้างหนี้ที่ดีที่สุด

5 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหนี้มรดก

ความไม่เข้าใจเกี่ยวกับหนี้มรดกอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด ต่อไปนี้เป็นคำถามที่พบบ่อยและคำตอบที่ทายาทควรรู้

1. ทายาทสามารถปฏิเสธการรับมรดกได้หรือไม่?

ตอบ : ได้ ทายาทสามารถสละมรดกได้ โดยต้องแสดงเจตนาสละมรดกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ

2. ถ้าจ่ายหนี้ไม่ไหว ทายาทจะรับมรดกเฉพาะทรัพย์สินโดยไม่รับหนี้ได้หรือไม่?

ตอบ : ไม่ได้ ตามกฎหมายไทย การรับมรดกเป็นการรับทั้งสิทธิและหน้าที่ของเจ้ามรดก ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินและหนี้สิน ทายาทไม่สามารถเลือกรับเฉพาะทรัพย์สินโดยไม่รับหนี้ได้ แต่ทายาทมีสิทธิรับมรดกโดยมีข้อจำกัดความรับผิด ซึ่งหมายความว่าทายาทจะรับผิดชอบหนี้ไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับมรดก

3. เจ้าหนี้สามารถทวงหนี้จากทายาทได้นานเท่าไร?

ตอบ : เจ้าหนี้ต้องฟ้องคดีมรดกภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เจ้าหนี้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก หากพ้นกำหนดนี้แล้ว เจ้าหนี้จะฟ้องร้องทายาทให้รับผิดชอบหนี้มรดกไม่ได้

4. หากหนี้มรดกมีมากกว่าทรัพย์สิน ทายาทต้องรับผิดชอบเต็มจำนวนหรือไม่?

ตอบ : ไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1601 ทายาทไม่ต้องรับผิดชอบหนี้เกินกว่าทรัพย์สินที่ได้รับมรดก หากหนี้มรดกมีมากกว่าทรัพย์สิน ทายาทรับผิดชอบเพียงเท่ากับมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้รับเท่านั้น

5. ทายาทที่เป็นเยาวชนหรือผู้เยาว์จะต้องรับผิดชอบหนี้มรดกหรือไม่?

ตอบ : ทายาทที่เป็นผู้เยาว์ก็มีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับทายาทอื่นๆ แต่ในทางปฏิบัติ ผู้แทนโดยชอบธรรม (เช่น บิดามารดา หรือผู้ปกครอง) จะเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการรับมรดกแทนผู้เยาว์ โดยอาจเลือกรับมรดกภายใต้ข้อจำกัดความรับผิดหรือสละมรดกแทนผู้เยาว์ได้ หากเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้เยาว์

สรุป

หนี้มรดกเป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องเผชิญ แต่เมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์นี้ การมีความรู้และเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้สามารถบริหารการเงินได้อย่างเหมาะสม ไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินและคุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัว

การจัดการหนี้มรดกอย่างชาญฉลาดไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการวางรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้กับครอบครัวในอนาคตอีกด้วย เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้ เพื่อป้องกันปัญหาและสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนที่คุณรัก

สำหรับใครที่ต้องการกู้ สินเชื่อรถบรรทุก สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

เจ้าหนี้

กู้ยังไงไม่โดนหลอก! 6 เช็กลิสต์ก่อนขอสินเชื่อให้ปลอดภัย

เจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้านเป็นเรื่องน่ากลัว! เรียนรู้วิธีตรวจสอบสินเชื่ออย่างรอบคอบด้วย 6 เช็กลิสต์สำคัญก่อนกู้เงิน

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

ไกล่เกลี่ยหนี้

ไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนฟ้อง ดีกว่ายื้อ! รู้ทันขั้นตอนลดภาระได้จริง

ไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนฟ้องดีกว่าถูกฟ้องร้องอย่างไร? พบขั้นตอนไกล่เกลี่ยหนี้กับกรมบังคับคดีแบบละเอียด พร้อมเทคนิคเจรจาให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรม ช่วยลดภาระหนี้ได้จริง

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

เครียดเรื่องเงิน

เครียดเรื่องเงิน? อัปเกรดใจให้อุ่น ด้วย 5 วิธีฮีลใจที่ได้ผล

เครียดเรื่องเงิน ทำให้ชีวิตหม่นหมอง? เรามี 5 วิธีฮีลใจที่ได้ผลจริง ช่วยคลายความกังวล สร้างความสมดุลทางการเงินและจิตใจ พร้อมเคล็ดลับจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568