

กระแสเงินสดติดลบทุกเดือน? สูตรอัพเกรด Cash Flow ให้ธุรกิจอยู่รอดทุกวิกฤต
เจอปัญหา "กระแสเงินสดติดลบ" ทั้งที่มียอดขายเข้ามาเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายสิ้นเดือนกลับไม่มีเงินพอจ่ายค่าเช่า ค่าแรง หรือค่าวัตถุดิบ ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการขายไม่ดีเสมอไป แต่เกิดจากการจัดการ Cash Flow ที่ไม่สมดุล วันนี้ เงินให้ใจจึงมาชวนเจ้าของธุรกิจทำความเข้าใจว่า Cash Flow คืออะไร ทำไมกระแสเงินสดถึงติดลบ พร้อมแนะนำ "สูตรอัพเกรด Cash Flow" ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน
Cash Flow คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
Cash Flow หรือกระแสเงินสด คือ การไหลเข้า-ออกของเงินสดในธุรกิจภายในช่วงเวลาหนึ่ง เปรียบเสมือนเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ Cash Flow คือสิ่งที่ช่วยบอกว่าธุรกิจมีเงินสดเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายปัจจุบันและอนาคตหรือไม่
หลายคนอาจสับสนระหว่าง "กำไร" กับ "Cash Flow" แต่ความจริงแล้ว ธุรกิจที่มีกำไรอาจประสบปัญหา Cash Flow ติดลบได้ เพราะกำไรในงบการเงินไม่ได้หมายถึงเงินสดในบัญชี การเข้าใจ Cash Flow คือ จุดเริ่มต้นสำคัญในการบริหารการเงินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ
ประเภทของ Cash Flow ที่ควรรู้
1. Operating Cash Flow - กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เช่น รายได้จากการขาย หักด้วยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
2. Investing Cash Flow - กระแสเงินสดจากการลงทุน เช่น การซื้อสินทรัพย์ถาวร หรือการลงทุนในธุรกิจอื่น
3. Financing Cash Flow - กระแสเงินสดจากการจัดหาเงิน เช่น การกู้ยืม การชำระคืนเงินกู้ หรือการจ่ายเงินปันผล
การติดตาม Cash Flow ทั้งสามประเภทนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของการไหลเวียนเงินสดในธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทำไมธุรกิจถึงประสบปัญหากระแสเงินสดติดลบ?
แม้ว่าธุรกิจจะมีรายได้และกำไร แต่ยังอาจเผชิญกับปัญหากระแสเงินสดติดลบได้ด้วยหลายสาเหตุ การเข้าใจต้นตอของปัญหาจะช่วยให้คุณแก้ไขได้ตรงจุด
1. ความไม่สมดุลระหว่างเงินเข้าและเงินออก
- การขายเชื่อหรือให้เครดิตยาวเกินไป - ธุรกิจบันทึกรายได้ในบัญชี แต่ยังไม่ได้รับเงินสดจริง
- ต้องจ่ายเจ้าหนี้เร็วกว่าได้รับเงินจากลูกค้า - เช่น ต้องจ่ายซัพพลายเออร์ภายใน 30 วัน แต่ให้ลูกค้าเครดิต 60-90 วัน
- มีค่าใช้จ่ายคงที่สูง - เช่น ค่าเช่า เงินเดือน ค่าเช่าอุปกรณ์ ที่ต้องจ่ายไม่ว่ายอดขายจะเป็นอย่างไร
2. การลงทุนในสินทรัพย์มากเกินไป เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์ หรือการขยายสาขา อาจทำให้เงินสดลดลงอย่างรวดเร็ว แม้จะเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต แต่หากไม่วางแผน Cash Flow ให้ดี อาจทำให้ธุรกิจขาดสภาพคล่องได้
3. การบริหารสินค้าคงคลังไม่มีประสิทธิภาพ การสั่งสินค้ามากเกินความจำเป็น หรือมีสินค้าขายช้าจำนวนมาก ทำให้เงินจมอยู่ในสต็อก เงินที่ควรจะหมุนเวียนในธุรกิจกลับถูกแปลงเป็นสินค้าที่ยังขายไม่ได้
4. การเติบโตที่รวดเร็วเกินไป เพราะต้องลงทุนในวัตถุดิบ สินค้า พนักงาน และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้อาจยังไม่เข้ามาทันที
5. ไม่มีการวางแผนภาษีและค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล หลายธุรกิจไม่ได้กันเงินไว้สำหรับการจ่ายภาษีหรือค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล เมื่อถึงเวลาต้องจ่าย จึงประสบปัญหาเงินสดไม่เพียงพอ
สูตรอัพเกรด Cash Flow ให้ธุรกิจอยู่รอด
เมื่อเข้าใจปัญหาแล้ว มาดูวิธีแก้ไขและปรับปรุง Cash Flow ให้แข็งแกร่งกันดีกว่า ด้วยสูตรอัพเกรดที่ธุรกิจทุกขนาดสามารถนำไปปรับใช้ได้
1. วิธีทำ Cash Flow แบบง่ายๆ ด้วยการติดตามและพยากรณ์
การทำ Cash Flow Forecast เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นล่วงหน้าว่าจะมีเงินเข้า-ออกเท่าไรในแต่ละเดือน วิธีทำ Cash Flow แบบง่ายๆ มีดังนี้
1. สร้างตารางกระแสเงินสด - ใช้ Excel หรือโปรแกรมบัญชีสร้างตารางที่แสดงเงินเข้า-ออกรายเดือน
2. ระบุยอดเงินสดเริ่มต้น - บันทึกเงินสดที่มีอยู่ ณ เริ่มต้นระยะเวลาที่วางแผน
3. พยากรณ์รายได้ - ประมาณการรายได้จากยอดขายหรือบริการในแต่ละเดือน โดยพิจารณาจากข้อมูลในอดีตและแนวโน้มธุรกิจ
4. พยากรณ์ค่าใช้จ่าย - ระบุค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แยกเป็นค่าใช้จ่ายคงที่และผันแปร
5. คำนวณกระแสเงินสดสุทธิ - หายอดสุทธิโดย (เงินสดเริ่มต้น + รายได้) - ค่าใช้จ่าย
6. วิเคราะห์และปรับแผน - หากพบว่ามีช่วงที่กระแสเงินสดติดลบ ให้หาทางแก้ไข เช่น เร่งการเก็บเงิน ชะลอการจ่าย หรือหาแหล่งเงินทุนเพิ่ม
วิธีทำ Cash Flow แบบง่ายๆ นี้ควรทำล่วงหน้าอย่างน้อย 3-6 เดือน และปรับปรุงข้อมูลเป็นประจำเพื่อให้การพยากรณ์แม่นยำ ยิ่งคุณเข้าใจ Cash Flow คืออะไร และติดตามอย่างสม่ำเสมอ คุณจะยิ่งบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เร่งรัดเงินเข้า ชะลอเงินออก
การปรับสมดุลระหว่างเงินเข้าและเงินออกเป็นกลยุทธ์พื้นฐานในการแก้ปัญหากระแสเงินสดติดลบ ทำได้โดย
- เร่งรัดเงินเข้า : ลดระยะเวลาเครดิตให้สั้นลง เช่น จาก 60 วัน เป็น 30 วัน เสนอส่วนลดสำหรับการชำระเร็ว เรียกเก็บเงินมัดจำล่วงหน้า และติดตามลูกหนี้อย่างเป็นระบบ ส่งใบแจ้งเตือนล่วงหน้า โทรติดตามเมื่อใกล้ครบกำหนด
- ชะลอเงินออก : เจรจาขอเครดิตยาวขึ้นจากซัพพลายเออร์ จัดลำดับความสำคัญของการจ่ายเงิน จ่ายรายการที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจก่อน แบ่งชำระค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ เช่น ค่าประกัน ค่าธรรมเนียมรายปี และอาจพิจารณาเช่าแทนซื้อ สำหรับอุปกรณ์ที่มีราคาสูงและใช้งานไม่บ่อย
3. บริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
สินค้าคงคลังคือเงินสดที่ถูกแปลงรูป การบริหารให้มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ Cash Flow ดีขึ้น
- ใช้ระบบ ABC Analysis - แบ่งสินค้าเป็นกลุ่ม A (หมุนเร็ว), B (หมุนปานกลาง), C (หมุนช้า) และบริหารแต่ละกลุ่มต่างกัน
- คำนวณ Economic Order Quantity (EOQ) - สั่งซื้อในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
- ใช้ระบบ Just-in-Time (JIT) - สั่งสินค้าให้มาถึงเมื่อใกล้จะใช้งาน ลดต้นทุนการเก็บรักษา
- ทำโปรโมชั่นระบายสินค้าเคลื่อนไหวช้า - แปลงสินค้าที่ขายยากให้เป็นเงินสด
- ทบทวนการสั่งซื้อเป็นประจำ - ปรับการสั่งซื้อตามแนวโน้มความต้องการของตลาด
4. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน
การมีเงินสำรองเพียงพอจะช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากช่วงที่กระแสเงินสดติดลบได้
- กำหนดเป้าหมายเงินสำรอง - อย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายคงที่
- สร้างวินัยในการเก็บออม - กันส่วนหนึ่งของกำไรเข้ากองทุนสำรองทุกเดือน
- แยกบัญชีเงินสำรองออกจากบัญชีดำเนินงาน - เพื่อป้องกันการใช้โดยไม่จำเป็น
- กำหนดนโยบายการใช้เงินสำรอง - ระบุชัดเจนว่าเงินสำรองจะถูกใช้ในกรณีใดบ้าง
5. ทบทวนและปรับโครงสร้างต้นทุน
การลดต้นทุนอย่างชาญฉลาดจะช่วยปรับปรุง Cash Flow โดยไม่กระทบคุณภาพสินค้าหรือบริการ
- วิเคราะห์ต้นทุนคงที่ - พิจารณาว่ามีรายการใดที่สามารถลดหรือปรับให้เป็นต้นทุนผันแปรได้
- เจรจาต่อรองกับซัพพลายเออร์ - ขอส่วนลดปริมาณหรือราคาที่ดีขึ้น
- ปรับกลยุทธ์การตลาด - มุ่งเน้นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ
- ใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ - เช่น ระบบอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์จัดการธุรกิจ
- พิจารณาการจ้างงานแบบยืดหยุ่น - เช่น พนักงาน Part-time หรือ Outsource บางตำแหน่ง
สรุป
ปัญหากระแสเงินสดติดลบเป็น "สัญญาณเตือน" ที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะแม้ว่าธุรกิจจะมีกำไรในงบการเงิน แต่หากไม่มีเงินสดเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน ธุรกิจก็อาจหยุดชะงักได้
การเข้าใจว่า Cash Flow คืออะไร การติดตามกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอ และการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น วิธีทำ Cash Flow แบบง่ายๆ เพื่อพยากรณ์ล่วงหน้า จะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้นและเตรียมทางแก้ไขไว้ล่วงหน้า
สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568
บทความอื่น ๆ

เงินเฟ้อพุ่ง รายได้เท่าเดิม! อัพเกรดการเงินส่วนตัวยังไงให้อยู่รอด
เงินเฟ้อทำค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ยังเท่าเดิม? เรียนรู้ 3 วิธีอัพเกรดการเงินส่วนตัว ปรับแผนการเงิน เพิ่มรายได้ และลงทุนป้องกันเงินเฟ้อให้อยู่รอด
เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568

หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรมาเต็ม! จัดการยังไง ปลดหนี้ไหนก่อนดี?
เรียนรู้วิธีแยกประเภทหนี้ดีและหนี้ที่ควรระวัง พร้อมเทคนิคประเมินความพร้อมทางการเงินก่อนตัดสินใจก่อหนี้ เพื่อให้หนี้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสอย่างชาญฉลาด
เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568

เช็กก่อนกู้: รู้จักหนี้ วางแผนดี ไม่มีพัง
เรียนรู้วิธีแยกประเภทหนี้ดีและหนี้ที่ควรระวัง พร้อมเทคนิคประเมินความพร้อมทางการเงินก่อนตัดสินใจก่อหนี้ เพื่อให้หนี้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสอย่างชาญฉลาด
เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568