กู้ร่วมซื้อบ้าน กู้ร่วม กับใครได้บ้าง

กู้ร่วมกับแฟน/คู่สมรส ระวังให้ดี! ไม่งั้นอาจกลายเป็นภาระยาวๆ

หลายคนอยากมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง แต่รายได้ไม่เพียงพอที่จะกู้คนเดียว ธนาคารอาจไม่อนุมัติหรือให้วงเงินน้อยเกินไป ทางออกที่หลายคู่รักเลือกคือ การ "กู้ร่วม" กับแฟนหรือคู่สมรสเพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติและได้วงเงินที่สูงขึ้น วันนี้ เงินให้ใจจึงมาอธิบายให้เข้าใจว่า การกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถนั้น มีข้อควรรู้และความเสี่ยงอะไรบ้างที่คุณควรพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ

กู้ร่วมคืออะไร และทำไมคนถึงนิยมกู้ร่วม

การกู้ร่วม คือการที่มีผู้กู้ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในสัญญาเงินกู้เดียวกัน โดยแบ่งเป็น "ผู้กู้หลัก" และ "ผู้กู้ร่วม" ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่รับผิดชอบหนี้ร่วมกันตามกฎหมาย การกู้ร่วมเป็นที่นิยมในการซื้อสินทรัพย์มูลค่าสูง โดยเฉพาะการกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถ

ใครสามารถเป็นผู้กู้ร่วมได้บ้าง

โดยทั่วไป ผู้กู้ร่วมมักเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้กู้หลัก ได้แก่

- คู่สมรส (จดทะเบียนสมรสหรือไม่จดทะเบียนก็ได้)

- ญาติสายโลหิต เช่น พ่อแม่-ลูก หรือพี่น้อง

- ในบางกรณีอาจเป็นเพื่อนหรือหุ้นส่วนทางธุรกิจ (แต่ธนาคารมักพิจารณาเข้มงวดมากขึ้น)

การกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถกับคู่สมรสเป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากคู่สมรสมักมีเป้าหมายทางการเงินร่วมกันและอาศัยอยู่ด้วยกัน

สิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเมื่อกู้ร่วม

สิ่งสำคัญที่ผู้กู้ร่วมทุกคนต้องเข้าใจคือ "กู้ร่วม = เป็นหนี้ร่วม" ไม่ว่าจะมีข้อตกลงส่วนตัวระหว่างกันอย่างไร ในทางกฎหมายถือว่าทั้งสองฝ่ายมีความรับผิดชอบร่วมกัน

1. ความรับผิดของลูกหนี้ร่วม

เมื่อกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถ ทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วมถือเป็น "ลูกหนี้ร่วม" ตามกฎหมาย ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือ

- ธนาคารมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้คนใดคนหนึ่งชำระหนี้ทั้งหมดได้

- แม้จะมีข้อตกลงระหว่างลูกหนี้ร่วมด้วยกันเองว่าฝ่ายใดจะรับผิดชอบชำระหนี้เท่าใด แต่ในทางกฎหมาย ธนาคารไม่ผูกพันตามข้อตกลงนั้น

- หากลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ ลูกหนี้ร่วมที่เหลือจะต้องรับผิดชอบชำระหนี้ทั้งหมดแทน

2. กรณีผิดนัดชำระหนี้

หากเกิดการผิดนัดชำระหนี้ ผลกระทบจะเกิดกับทั้งผู้กู้หลักและผู้กู้ร่วม

- ลูกหนี้ร่วมทั้งหมดอาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

- อาจสูญเสียทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน

- ประวัติเครดิตของลูกหนี้ร่วมทั้งหมดจะได้รับผลกระทบเหมือนกัน

3. เรื่องกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน

สำหรับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ซื้อโดยการกู้ร่วม

- สามารถระบุในสัญญาซื้อขายได้ว่าจะให้ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

- กรณีกู้ร่วม ซื้อบ้าน หากเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียน บ้านอาจถือเป็นสินสมรสตามกฎหมาย แม้ชื่อในโฉนดจะมีเพียงคนเดียว

- กรณีกู้ร่วม ซื้อรถ สามารถจดทะเบียนรถในนามของคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนก็ได้

ข้อควรรู้เมื่อกู้ร่วมกับแฟนหรือคู่สมรส

การกู้ร่วมกับคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด โดยเฉพาะแฟนหรือคู่สมรส มีประเด็นเฉพาะที่ควรพิจารณาเพิ่มเติม

กรณีคู่สมรสที่จดทะเบียน

หากเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนแล้ว มีข้อพิจารณาดังนี้

- หนี้ที่เกิดจากการกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถ ถือเป็น "หนี้ร่วม"

- ทรัพย์สินที่ซื้อโดยใช้สินเชื่อร่วมกันมักถือเป็นสินสมรส แม้จะจดทะเบียนในชื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

- หากเกิดการหย่าร้าง จะต้องมีการแบ่งทรัพย์สินและภาระหนี้ตามกฎหมาย

กรณีคู่รักหรือคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน

สำหรับคู่รักหรือคู่สมรสที่อยู่กินด้วยกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส

- ในทางกฎหมาย ยังถือว่าเป็นลูกหนี้ร่วมกับธนาคาร

- หากเลิกรากันไป การแบ่งทรัพย์สินและภาระหนี้จะซับซ้อนกว่า เพราะไม่มีกฎหมายครอบครัวมารองรับ

กรณีเลิกกัน หย่า หรือเลิกคบ

ประเด็นสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือ สถานะความสัมพันธ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงภาระหนี้

- แม้จะเลิกกัน หย่า หรือเลิกคบกันแล้ว ภาระหนี้จากการกู้ร่วมยังคงอยู่

- ธนาคารไม่สนใจว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร หน้าที่ในการชำระหนี้ยังคงเหมือนเดิม

- การโอนภาระหนี้ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับผิดชอบทั้งหมดต้องได้รับความยินยอมจากธนาคาร ซึ่งมักมีเงื่อนไขและค่าใช้จ่าย

วิธีลดความเสี่ยงเมื่อตัดสินใจกู้ร่วม

หากคุณตัดสินใจกู้ร่วมกับแฟนหรือคู่สมรส มีวิธีการลดความเสี่ยงที่ควรพิจารณา

1. ตกลงเรื่องการเงินให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น

- ทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้กู้ร่วม ระบุว่าใครจะรับผิดชอบชำระหนี้เท่าไร

- กำหนดให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน หรือจะถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในสัดส่วนเท่าใด

- ตกลงวิธีการดำเนินการหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

แม้ข้อตกลงนี้จะไม่มีผลผูกพันกับธนาคาร แต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากความเข้าใจผิดระหว่างกัน และใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่มีข้อพิพาทในอนาคต

2. ตรวจสอบภาระหนี้และข้อมูลเครดิตก่อนตัดสินใจ

- ตรวจสอบข้อมูลเครดิตของทั้งสองฝ่ายก่อนตัดสินใจกู้ร่วม

- สำรวจภาระหนี้ทั้งหมดที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ในระยะยาว

- ประเมินความมั่นคงของรายได้และอาชีพของทั้งสองฝ่าย

การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสถานะทางการเงินของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน และประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น

3. วางแผนการเงินร่วมกัน

- กันเงินสำรองสำหรับการผ่อนชำระอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อรองรับกรณีฉุกเฉิน

- พิจารณาทำประกันชีวิตและประกันสินเชื่อเพื่อคุ้มครองภาระหนี้หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

- ตั้งระบบการโอนเงินอัตโนมัติเพื่อชำระหนี้ตามกำหนด ป้องกันการลืมจ่ายหรือจ่ายล่าช้า

การวางแผนการเงินร่วมกันอย่างรอบคอบจะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาการชำระหนี้ในอนาคต

4. พิจารณาทำสัญญาคุ้มครองสิทธิ์

- สำหรับคู่สมรสที่กำลังจะแต่งงาน อาจพิจารณาทำสัญญาก่อนสมรส (Prenuptial Agreement) เพื่อกำหนดสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินในกรณีที่มีการหย่าร้าง

- สำหรับคู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส อาจทำสัญญาร่วมกันเกี่ยวกับการแบ่งทรัพย์สินและภาระหนี้หากความสัมพันธ์สิ้นสุดลง

การทำสัญญาเหล่านี้อาจดูไม่โรแมนติก แต่เป็นวิธีป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายมีความชัดเจนในสิทธิและหน้าที่ของตน

สรุป

การกู้ร่วม ซื้อบ้านหรือกู้ร่วม ซื้อรถกับแฟนหรือคู่สมรสช่วยให้ความฝันของการมีบ้านหรือรถเป็นจริงได้ง่ายขึ้น แต่ก็เป็นการผูกพันทางการเงินระยะยาวที่ไม่ควรมองข้าม ก่อนตัดสินใจกู้ร่วม ควรทำความเข้าใจทั้งสิทธิ หน้าที่ และความเสี่ยงให้ชัดเจน

หากวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ ตั้งงบผ่อนให้เหมาะสมกับรายได้ และมีการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างกัน การกู้ร่วมจะช่วยให้คุณสร้างสินทรัพย์มูลค่าสูงได้เร็วขึ้น และเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินร่วมกัน

สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการ สินเชื่อรถกระบะ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568

บทความอื่น ๆ

เงินเฟ้อ

เงินเฟ้อพุ่ง รายได้เท่าเดิม! อัพเกรดการเงินส่วนตัวยังไงให้อยู่รอด

เงินเฟ้อทำค่าครองชีพสูงขึ้น แต่รายได้ยังเท่าเดิม? เรียนรู้ 3 วิธีอัพเกรดการเงินส่วนตัว ปรับแผนการเงิน เพิ่มรายได้ และลงทุนป้องกันเงินเฟ้อให้อยู่รอด

เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568

หนี้บัตรเครดิต

หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรมาเต็ม! จัดการยังไง ปลดหนี้ไหนก่อนดี?

เรียนรู้วิธีแยกประเภทหนี้ดีและหนี้ที่ควรระวัง พร้อมเทคนิคประเมินความพร้อมทางการเงินก่อนตัดสินใจก่อหนี้ เพื่อให้หนี้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสอย่างชาญฉลาด

เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568

หนี้

เช็กก่อนกู้: รู้จักหนี้ วางแผนดี ไม่มีพัง

เรียนรู้วิธีแยกประเภทหนี้ดีและหนี้ที่ควรระวัง พร้อมเทคนิคประเมินความพร้อมทางการเงินก่อนตัดสินใจก่อหนี้ เพื่อให้หนี้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสอย่างชาญฉลาด

เผยแพร่ 12 ก.ย. 2568