เช็ค มิจฉาชีพ มิจฉาชีพออนไลน์

โปรออนไลน์ดูดีแต่มีพิรุธ! รวม ทริคจับมิจฉาชีพก่อนเสียเงินฟรี

"กระเป๋าแบรนด์เนม ลด 90% ส่งฟรีทั่วประเทศ! ลดเพียง 3 วันเท่านั้น รีบสั่งก่อนหมด" โพสต์โฆษณาลักษณะนี้ดูน่าสนใจใช่ไหม? แต่เมื่อคุณกดลิงก์ไปตามโฆษณา กรอกข้อมูลส่วนตัว และชำระเงิน จู่ๆ เงินในบัญชีของคุณกลับหายไปมากกว่าค่าสินค้าที่สั่ง หรือแย่กว่านั้น อาจหายไปเกือบทั้งบัญชี นี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง แต่เป็นสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศไทย และ "มิจฉาชีพออนไลน์" ในปัจจุบันไม่ได้แค่โทรหลอกให้โอนเงินเหมือนในอดีต แต่พวกเขาปลอมแปลงทุกอย่างได้อย่างแนบเนียน ตั้งแต่เพจร้านค้า, เว็บไซต์, ลิงก์, เบอร์โทรศัพท์ ไปจนถึงวิดีโอคอลปลอม (Deepfake) ที่ทำให้การแยกแยะความจริงเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ บทความนี้ เงินให้ใจ รวมวิธีสังเกตกลโกงยอดฮิต พร้อม "ทริคเช็ค เบอร์ มิจฉาชีพ-เช็คลิงก์-เช็คแหล่ง" ก่อนกดหรือโอน เพื่อให้คุณปลอดภัยจากมิจฉาชีพทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, LINE, SMS หรือแม้แต่อีเมล

อัปเดตกลโกงมิจฉาชีพยุคใหม่

ถ้าคุณคิดว่า "ฉันไม่มีทางโดนหลอกหรอก" ขอให้คิดใหม่ เพราะกลโกงออนไลน์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนและแนบเนียนมากขึ้น ทำให้แม้แต่คนที่คิดว่าตัวเองระมัดระวังดีแล้วก็อาจตกเป็นเหยื่อได้

1. ปลอมเพจร้านค้าออนไลน์

กลโกงนี้มิจฉาชีพจะสร้างเพจปลอมที่เลียนแบบแบรนด์ดังหรือร้านค้าจริง โดยใช้โลโก้ ภาพสินค้า และข้อความโฆษณาที่คล้ายคลึง มักมาพร้อมโปรโมชันราคาถูกผิดปกติ (ลด 70-90%) เพื่อหลอกให้ผู้ใช้รีบสั่งซื้อและจ่ายเงินโดยไม่ตรวจสอบ เมื่อโอนเงินไปแล้ว ไม่มีการส่งสินค้า และเพจนั้นจะหายไปอย่างรวดเร็ว

สัญญาณเตือน :

- เพจสร้างใหม่ มีผู้ติดตามน้อยผิดปกติ

- ราคาถูกเกินจริงเมื่อเทียบกับร้านอื่น

- ไม่มีรีวิวจากลูกค้าจริง หรือรีวิวดูเหมือนเป็นบอทหรือซ้ำๆ กัน

- มีตัวสะกดผิด หรือโลโก้ไม่เหมือนของแท้เมื่อสังเกตให้ดี

2. ลิงก์ SMS ปลอม / อีเมลปลอม

มิจฉาชีพจะส่ง SMS หรืออีเมลที่อ้างว่ามาจากธนาคาร บริษัทขนส่ง หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้ง โดยในข้อความจะมีลิงก์ให้คลิก เมื่อคลิกแล้วจะนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่ออกแบบให้เหมือนเว็บไซต์จริง เพื่อหลอกให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขบัตรเครดิต รหัสผ่าน หรือ OTP

สัญญาณเตือน :

- มี URL ที่คล้ายแต่ไม่ใช่ของจริง

- ข้อความเร่งรีบ เช่น "ตรวจสอบทันทีเพื่อป้องกันการระงับบัญชี"

- มักมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์หรือการสะกดคำ

3. โทรศัพท์ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่

กลโกงนี้มิจฉาชีพจะโทรศัพท์มา โดยใช้เทคโนโลยี Spoof Call ที่สามารถปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์ให้ปรากฏเป็นเบอร์ของหน่วยงานราชการ ธนาคาร หรือบริษัทจริง พวกเขามักอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ DSI หรือพนักงานธนาคาร แจ้งว่าคุณมีปัญหาทางกฎหมายหรือบัญชีธนาคารมีความเสี่ยง และเสนอให้ "ช่วยแก้ไขปัญหา" โดยหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว

สัญญาณเตือน :

- การขอข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน หรือ OTP

- การเร่งรีบให้ตัดสินใจทันที

- การขอให้โอนเงินไปยังบัญชีใหม่เพื่อ "ความปลอดภัย"

4. ส่งพัสดุปลอม

มิจฉาชีพจะส่งข้อความหรือโทรมาแจ้งว่ามีพัสดุส่งถึงคุณ แต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมหรือค่าจัดส่งเพิ่มเติม ทั้งที่คุณไม่เคยสั่งของนั้นเลย เมื่อคุณจ่ายเงิน พวกเขาก็จะหายไปพร้อมเงินของคุณ

สัญญาณเตือน :

- ไม่ได้สั่งสินค้าใด ๆ แต่มีแจ้งให้รับพัสดุ

- ขอให้โอนเงินค่าธรรมเนียมก่อนรับสินค้า

- ข้อมูลการติดต่อไม่ตรงกับบริษัทขนส่งจริง

5. Deepfake Video Call / แอปธนาคารปลอม

เทคโนโลยี Deepfake ทำให้มิจฉาชีพสามารถสร้างวิดีโอปลอมที่ทำให้ดูเหมือนบุคคลจริง เช่น เพื่อน ญาติ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร และใช้วิดีโอคอลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังมีการสร้างแอปธนาคารปลอมที่มีหน้าตาเหมือนแอปจริงเพื่อขโมยข้อมูลการเข้าสู่ระบบ

สัญญาณเตือน :

- การเคลื่อนไหวของริมฝีปากไม่สัมพันธ์กับคำพูด

- คุณภาพวิดีโอต่ำผิดปกติ หรือมีการกระตุกของภาพ

- แอปธนาคารที่ดาวน์โหลดจากลิงก์ที่ไม่ใช่แหล่งทางการ

6. หลอกให้โหลดแอปแฝงมัลแวร์

มิจฉาชีพอาจหลอกให้คุณดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่มีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยอ้างว่าเป็นแอปเพื่อรับโปรโมชัน ติดตามพัสดุ หรือรับสิทธิพิเศษ เมื่อติดตั้งแล้ว มัลแวร์จะทำการดูดข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือแม้แต่ควบคุมโทรศัพท์ของคุณจากระยะไกล

สัญญาณเตือน :

- แอปขอสิทธิ์เข้าถึงที่มากเกินไป เช่น รายชื่อติดต่อ SMS ข้อความ

- ลิงก์ดาวน์โหลดไม่ได้มาจาก App Store หรือ Google Play Store อย่างเป็นทางการ

- แอปมีคะแนนรีวิวต่ำ หรือรีวิวน้อยผิดปกติ

วิธีจับพิรุธโปรออนไลน์ & ลิงก์ต้องสงสัย

เมื่อรู้ทันกลโกงต่างๆ แล้ว ต่อไปคือวิธีตรวจสอบและสังเกตพฤติกรรมต้องสงสัยเพื่อป้องกันตัวเอง

พฤติกรรมที่ต้องระวัง - วิธีตรวจสอบ

โปรโมชันราคาต่ำกว่าทุนเกินจริง - ตรวจสอบ URL เว็บไซต์ให้ขึ้นต้นด้วย https:// และเป็นโดเมนทางการ

เพจหรือเว็บไซต์ไม่ตรงชื่อบริษัท - เช็กโดเมนหลัก เช่น .co.th, .com แทน .shop, .xyz ที่สามารถสร้างได้ง่าย

ส่งลิงก์ให้กดผ่าน SMS - ห้ามกดโดยเด็ดขาด - ใช้ช่องทางทางการของแบรนด์เท่านั้น เช่น แอปธนาคารที่ติดตั้งจาก App Store/Play Store

เว็บไซต์ขอให้กรอกเลขบัตร / OTP - ธนาคารไม่มีนโยบายขอข้อมูลนี้ผ่านลิงก์ OTP เป็นข้อมูลส่วนตัวที่สุด อย่าบอกใคร

เบอร์โทรศัพท์ไม่คุ้น / ไม่มีชื่อบนแอป - ใช้เว็บหรือแอป "เช็คเบอร์มิจฉาชีพ" เช่น Whoscall, 1213 หรือสายด่วน ธปท.

ส่งข้อความเร่งรีบ เช่น "หากไม่ดำเนินการจะถูกอายัดบัญชี" - หยุดก่อนตอบ ตรวจสอบกับสถาบันการเงินโดยตรงผ่านช่องทางทางการ

วิธีตรวจสอบ URL ที่น่าสงสัย

1. สังเกต URL อย่างละเอียด - เว็บปลอมมักมี URL คล้ายของจริงแต่สะกดผิด เช่น "faceboook.com" (มี o เกิน), "instagram-verify.com" (เพิ่มคำต่อท้าย)

2. เช็กว่ามี HTTPS หรือไม่ - เว็บไซต์ที่ปลอดภัยควรมี "https://" นำหน้า และมีไอคอนกุญแจล็อกที่แถบที่อยู่

3. ดูนามสกุลโดเมน - โดเมนทางการมักลงท้ายด้วย .com, .co.th, .ac.th ส่วนโดเมนที่น่าสงสัยมักเป็น .xyz, .info, .tk หรือโดเมนแปลกๆ

4. ใช้บริการตรวจสอบ URL - บริการเช่น Google Safe Browsing หรือ VirusTotal สามารถช่วยตรวจสอบว่าลิงก์นั้นปลอดภัยหรือไม่

วิธีสังเกตโปรโมชันหลอกลวง

1. ถ้าดีเกินจริง มักไม่จริง - โปรโมชันที่ให้ส่วนลดมากกว่า 70-80% โดยไม่มีเงื่อนไขควรสงสัยไว้ก่อน

2. ตรวจสอบกับเว็บไซต์ทางการ - เมื่อเห็นโปรโมชันน่าสนใจ ให้เข้าเว็บไซต์ทางการของแบรนด์นั้นโดยตรง (พิมพ์ URL เอง ไม่ใช่คลิกลิงก์)

3. อ่านรีวิวและตรวจสอบความน่าเชื่อถือ - ค้นหารีวิวของร้านค้านั้นจากแหล่งที่เชื่อถือได้

4. ตรวจสอบวิธีชำระเงิน - ร้านค้าที่รับเฉพาะการโอนเงินโดยตรง ไม่มีตัวเลือกชำระผ่านบัตรเครดิตหรือแพลตฟอร์มที่มีการคุ้มครองผู้ซื้อ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

เทคนิคป้องกันขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรทำ

นอกจากการรู้เท่าทันกลโกงแล้ว การป้องกันเชิงรุกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวเอง

1. ตั้งรหัสผ่านไม่ซ้ำกันในแต่ละบัญชี

ไม่ควรใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชี เพราะหากรหัสผ่านหนึ่งถูกขโมย มิจฉาชีพอาจเข้าถึงบัญชีอื่นๆ ของคุณได้ ควรใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) เพื่อสร้างและจัดเก็บรหัสผ่านที่ซับซ้อนสำหรับแต่ละบัญชี

2. เปิดระบบยืนยันตัวตน 2 ชั้น (2FA)

การยืนยันตัวตน 2 ชั้นจะเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ โดยนอกจากรหัสผ่านแล้ว คุณยังต้องป้อนรหัสที่ส่งไปยังอุปกรณ์อื่น (เช่น SMS หรือแอปยืนยันตัวตน) เพื่อเข้าสู่ระบบ ทำให้แม้มิจฉาชีพจะรู้รหัสผ่าน ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้

3. อัปเดตระบบมือถือและแอปธนาคารให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

อัปเดตซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันเป็นประจำ โดยเฉพาะแอปธนาคารและแอปที่เกี่ยวกับการเงิน เพื่อรับการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยล่าสุด

4. ห้ามบันทึกรหัสในแอปข้อความหรือโน้ต

อย่าเก็บรหัสผ่าน, PIN, หรือข้อมูลบัตรเครดิตในแอปข้อความหรือแอปโน้ตบนมือถือ เพราะหากโทรศัพท์สูญหายหรือถูกแฮ็ก ข้อมูลเหล่านั้นจะไม่ปลอดภัย

5. หมั่นตรวจสอบ Statement ทุกสัปดาห์

ตรวจสอบรายการธุรกรรมในบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตเป็นประจำ หากพบธุรกรรมที่ไม่ได้ทำหรือน่าสงสัย ให้แจ้งธนาคารหรือผู้ออกบัตรทันที เพื่อระงับบัตรและตรวจสอบความผิดปกติ

รวมช่องทางแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ

หากคุณสงสัยหรือตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้จากช่องทางเหล่านี้

1. สายด่วน 1441 : ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (PCT Police)

ให้บริการรับแจ้งเหตุและให้คำแนะนำเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกประเภท รวมถึงการหลอกลวงออนไลน์

2. ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร 1213

ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. ให้คำปรึกษาเรื่องการถูกหลอกลวงทางการเงิน และประสานงานกับธนาคารที่เกี่ยวข้อง

3. Cyber Crime Investigation Bureau (CCIB)

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สามารถแจ้งเหตุได้ที่เว็บไซต์ https://ccid1.ccib.go.th

4. แจ้งความที่สถานีตำรวจ

หากถูกหลอกลวงและสูญเสียเงิน ควรแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อเป็นหลักฐานทางกฎหมายและเริ่มกระบวนการสืบสวน

ข้อแนะนำ : เมื่อแจ้งเหตุ ให้เตรียมหลักฐานให้พร้อม เช่น ภาพหน้าจอการโอนเงิน ข้อความหรืออีเมลที่ได้รับจากมิจฉาชีพ และข้อมูลบัญชีที่โอนเงินไป เพื่อช่วยให้การสืบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สรุป

มิจฉาชีพออนไลน์จะพัฒนาเทคนิคการหลอกลวงใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่เราสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการสังเกตพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่บ่งบอกถึงการหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็น ลิงก์ที่สะกดผิด เบอร์โทรที่ไม่คุ้นเคย หรือโปรโมชันที่ดูดีเกินจริง

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่รีบร้อน ให้เวลาตัวเองในการตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางทางการเสมอ และหากมีข้อสงสัย ให้ปฏิเสธการทำธุรกรรมไปก่อน และอย่าลืมแชร์ความรู้เหล่านี้กับคนรอบข้าง โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้ที่อาจไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี เพราะการป้องกันที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้และสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคม

สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

บทความอื่น ๆ

ดอกเบี้ยผิดนัด

ดอกเบี้ยผิดนัดคืออะไร? ทำไม ยอดหนี้พุ่งเร็วกว่าที่คิด!

เข้าใจดอกเบี้ยผิดนัดภายใต้กฎหมายใหม่ ดอกเบี้ยสูงสุดคิดได้เท่าไร? ผิดนัดกี่วันเริ่มคิดดอก? และวิธีป้องกันไม่ให้ยอดหนี้บานแบบไม่รู้ตัว

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

ค้ำประกัน

ก่อนจะ "ค้ำประกัน" ให้ใคร... คิดให้ดี! ไม่งั้นอาจเป็นหนี้แทนเพื่อนแบบงง ๆ

ค้ำประกันคืออะไร เสี่ยงแค่ไหน กระทบเครดิตยังไง เช็กให้ครบก่อนเซ็น พร้อมเช็กลิสต์ตัดสินใจที่ปลอดภัยกว่า

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

แม่ค้า

แม่ค้า Street Food ยุคใหม่ต้องรู้! อัพเกรดการเงินให้เหลือเก็บทุกเดือน

ขายดีแต่ไม่รู้เงินหายไปไหน? รู้เทคนิคจัดการเงินแบบแม่ค้าสมัยใหม่ วางระบบเงินหมุน เก็บยังไงให้อยู่ เหลือกำไรทุกเดือนจริง

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568