เงินหมุน ร้านรถเข็น

แม่ค้า Street Food ยุคใหม่ต้องรู้! อัพเกรดการเงินให้เหลือเก็บทุกเดือน

หลายคนคงคุ้นภาพแม่ค้ารถเข็นสตรีทฟู้ดที่ขายดิบขายดีตั้งแต่เช้ายันเย็น มีลูกค้าต่อแถวยาวเหยียด ดูเหมือนจะมีรายได้ดี แต่พูดคุยกันจริงๆ กลับพบว่าหลายคนยังประสบปัญหา "ขายดีแต่ไม่มีเงินเหลือสิ้นเดือน" สาเหตุหลักไม่ใช่เพราะค้าขายไม่ดี แต่เพราะต้องหมุนเงินทุกวัน จ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าแก๊ส ค่าเช่าพื้นที่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนเงินสะพัดหมด แต่ไม่เคยมีเหลือเก็บ ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้คือ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ยอดขาย แต่อยู่ที่ "ไม่มีระบบจัดการเงิน" ทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเงินส่วนไหนเป็นทุน ส่วนไหนเป็นกำไร และส่วนไหนควรเก็บไว้ บทความนี้ เงินให้ใจ จะพาแม่ค้าสตรีทฟู้ดยุคใหม่อัปเกรดการเงินให้เป็นระบบ จัดเงินหมุนให้เหลือเก็บได้จริง ไม่ต้องพึ่งดวงปลายเดือนอีกต่อไป ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แม้จะไม่เคยเรียนบัญชีหรือการเงินมาก่อน

แม่ค้า

Step 1 - แยกเงินขายกับเงินใช้ตั้งแต่วันแรก

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของแม่ค้าหลายคนคือการเก็บเงินรวมกันในกระเป๋าเดียว เมื่อต้องซื้อของใช้ส่วนตัว ก็หยิบจากกระเป๋าเดียวกับที่เก็บเงินขาย ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่าแต่ละวันขายได้เท่าไร ใช้จ่ายเท่าไร และมีกำไรแท้จริงเท่าไร แนะนำให้แยก "กระเป๋าเงิน" หรือ "บัญชีธนาคาร" ออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ

1. เงินทุนหมุนเวียน (ซื้อของต่อ) ใช้สำหรับซื้อวัตถุดิบ จ่ายค่าแก๊ส ค่าน้ำแข็ง หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับร้าน

2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เปรียบเสมือน "เงินเดือน" ที่ให้ตัวเอง ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์

3. เงินเก็บหรือกำไร ส่วนที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว ควรแยกไว้ต่างหากและไม่นำมาใช้ นอกจากจำเป็นจริงๆ

รายได้ของแม่ค้าอาจไม่แน่นอนในแต่ละวัน แต่ "วินัยในการแยกเงิน" ต้องแน่นอนเสมอ ถือเป็นกฎเหล็กที่ห้ามละเมิด เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการมีระบบการเงินที่ดี

Step 2 - คำนวณ "ทุนจริง" ให้เป็น เพื่อรู้ว่าขายคุ้มหรือไม่

แม่ค้าหลายคนอาจรู้ว่าซื้อวัตถุดิบมาเท่าไร แต่มักลืมคำนวณค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ เช่น ค่าแก๊ส ค่าน้ำแข็ง ค่าน้ำมันรถ ค่าเดินทางไปซื้อของ หรือแม้แต่ค่าแรงของตัวเอง ทำให้คิดว่ากำไรมากกว่าที่เป็นจริง

สูตรง่ายๆ: ต้นทุนรวม = ค่าวัตถุดิบ + ค่าใช้จ่ายแฝง

ค่าวัตถุดิบ : ราคาของทุกอย่างที่ใช้ในการทำอาหาร รวมถึงบรรจุภัณฑ์ ช้อนส้อม ถุงพลาสติก

ค่าใช้จ่ายแฝง :

- ค่าแก๊ส/เชื้อเพลิงที่ใช้ปรุงอาหาร

- ค่าน้ำแข็ง/น้ำดื่ม

- ค่าน้ำมันรถ/ค่าเดินทางไปซื้อของ

- ค่าเช่าพื้นที่/ค่าเช่ารถเข็น

- ค่าแรงของตัวเอง (อย่างน้อยควรคิดตามค่าแรงขั้นต่ำ)

- ค่าเสื่อมของอุปกรณ์ (เฉลี่ยเป็นวัน)

ตัวอย่างการคำนวณ สมมติว่าคุณขายก๋วยเตี๋ยว:

- ค่าวัตถุดิบ (เส้น, น้ำซุป, เครื่อง, ผัก) = 3,000 บาท/วัน

- ค่าแก๊ส = 100 บาท/วัน

- ค่าน้ำแข็ง/น้ำดื่ม = 150 บาท/วัน

- ค่าน้ำมันรถ = 100 บาท/วัน

- ค่าเช่าพื้นที่ = 200 บาท/วัน

- ค่าแรงของตัวเอง = 400 บาท/วัน (8 ชม. x 50 บาท)

- ค่าเสื่อมอุปกรณ์ = 50 บาท/วัน

รวมต้นทุนจริง = 4,000 บาท/วัน

ถ้าคุณค้าขายได้วันละ 5,000 บาท กำไรจริงคือ 1,000 บาท ไม่ใช่ 2,000 บาทตามที่หลายคนมักคำนวณผิด

Step 3 - ทำเงินหมุนให้ไหล "ไม่สะดุด"

สำหรับธุรกิจร้านรถเข็นหรือสตรีทฟู้ด เงินหมุนคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้กิจการดำเนินต่อไปได้ การมีเงินหมุนเวียนที่เพียงพอจะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะมีเงินซื้อวัตถุดิบหรือไม่

1. เตรียมเงินทุนล่วงหน้า ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-5 วันของต้นทุนการขาย เพื่อให้มั่นใจว่ามีเงินพอซื้อวัตถุดิบแม้จะเจอวันที่ค้าขายไม่ดี

2. สร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ หากต้องซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก ลองเจรจาขอเครดิตจากซัพพลายเออร์ที่ซื้อประจำ เช่น ซื้อวันนี้ จ่ายเงินอีก 2-3 วัน แต่ต้องทำเฉพาะกับรายที่ไว้ใจได้และต้องรักษาความน่าเชื่อถือด้วยการจ่ายตรงเวลาเสมอ

3. สร้างกองทุนสำรองร้าน จากรายได้ทุกวัน ให้แบ่ง 10-15% เข้า "กองทุนสำรองร้าน" เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น อุปกรณ์เสีย หรือวันที่ขายไม่ดี

4. วางแผนซื้อของตามยอดขาย ไม่ซื้อของมากเกินไปจนเสียหาย และไม่น้อยเกินไปจนของไม่พอขาย ให้เรียนรู้จากสถิติการขายแต่ละวัน แต่ละช่วง

5. ระมัดระวังการซื้อเชื่อมากเกินไป การซื้อของเชื่อจากหลายแหล่งในเวลาเดียวกันอาจทำให้ภาระการจ่ายเงินกระจุกตัวและกระทบกระแสเงินสด ควรจัดตารางการจ่ายให้กระจายตัว

Step 4 - ใช้เงินให้ฉลาด ไม่ต้องขยันอย่างเดียว

แม่ค้าสตรีทฟู้ดหลายคนขยันมาก ทำงานวันละหลายชั่วโมงเพื่อเพิ่มรายได้ แต่นอกจากการเพิ่มรายได้แล้ว การบริหารรายจ่ายอย่างฉลาดก็สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อขายเริ่มดีและมีรายได้มั่นคงขึ้น ลองจัดสรรรายได้แบบเปอร์เซ็นต์ เช่น

- 50% สำหรับทุนหมุนเวียน ใช้เพื่อซื้อวัตถุดิบและจ่ายค่าใช้จ่ายประจำของร้าน

- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว ถือเป็น "เงินเดือน" ของตัวเอง ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

- 20% สำหรับเงินออม แบ่งเป็นเงินออมระยะสั้นสำหรับฉุกเฉิน และเงินออมระยะยาวเพื่ออนาคต

นอกจากเพิ่มรายได้ ต้องใส่ใจกับการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นด้วย

หลีกเลี่ยงการซื้อของตุนเกินจำเป็น - เพราะอาจเสียหายหรือหมดอายุก่อน

เลือกซื้อวัตถุดิบจากแหล่งที่ราคาดีและคุณภาพเหมาะสม - ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุดหรือถูกที่สุด

ประหยัดค่าสาธารณูปโภค - เช่น ใช้น้ำ ไฟ แก๊สอย่างคุ้มค่า

ลดการสูญเสีย/ของเสีย - วางแผนการใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Step 5 - อย่ากลัวคำว่า 'ออม' แม้จะมีรายได้ไม่แน่นอน

แม่ค้าหลายคนอาจคิดว่าการออมเป็นเรื่องยากเพราะรายได้ไม่แน่นอน แต่ความจริงแล้ว คนที่มีรายได้ไม่แน่นอนยิ่งต้องออมมากกว่าคนมีเงินเดือนประจำ เพื่อรองรับช่วงที่รายได้ลดลง

เริ่มออมจากจำนวนเล็กน้อย

- ออมเท่าที่ทำได้ : เริ่มจากจำนวนน้อยๆ เช่น วันละ 20-50 บาท

- ออมแบบสม่ำเสมอ : ทำเป็นประจำทุกวันหรือทุกสัปดาห์

- ออมก่อนใช้ : หักเงินออมทันทีที่มีรายได้ ก่อนนำไปใช้จ่ายอย่างอื่น

Step 6 - ตั้งเป้าเก็บกำไรปลายเดือนอย่างน้อย 1 รายได้ต่อวัน

เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเก็บเงิน ลองตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ หนึ่งในเป้าหมายที่แนะนำคือ การพยายามเก็บเงินปลายเดือนให้ได้อย่างน้อยเท่ากับรายได้เฉลี่ย 1 วัน

1. หารายได้เฉลี่ยต่อวัน เช่น ถ้าค้าขายได้ประมาณวันละ 1,000 บาท ให้ตั้งเป้าเก็บปลายเดือน 1,000 บาท

2. ถือเป็น "โบนัสตัวเอง" จากการมีวินัย มองว่านี่เป็นรางวัลที่ให้กับตัวเองจากการทำงานหนักและมีวินัยทางการเงิน

3. แยกเงินนี้ออกจากเงินออมปกติ เงินก้อนนี้อาจนำไปเก็บในบัญชีพิเศษหรือลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

4. ติดตามความก้าวหน้า ทำตารางหรือใช้แอปบันทึกจำนวนเงินที่เก็บได้ในแต่ละเดือน เพื่อดูความก้าวหน้า

สรุป

การเป็นแม่ค้าร้านรถเข็นหรือสตรีทฟู้ดในปัจจุบันไม่ใช่แค่การทำอาหารอร่อยหรือขายดีเท่านั้น แต่ยังต้องมีทักษะในการบริหารจัดการเงินที่ดีด้วย การมีระบบเงินหมุนไม่ใช่เรื่องของร้านใหญ่เท่านั้น แต่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับแม่ค้าทุกคนที่ต้องการความมั่นคงและอยากขยายกิจการในอนาคต

เริ่มต้นวันนี้ ทีละขั้นตอน แม้จะดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ได้จะยิ่งใหญ่เกินคาด และคุณจะกลายเป็นแม่ค้าสตรีทฟู้ดที่ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในการค้าขาย แต่ยังมั่งคั่งและมั่นคงทางการเงินอีกด้วย

สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

บทความอื่น ๆ

ดอกเบี้ยผิดนัด

ดอกเบี้ยผิดนัดคืออะไร? ทำไม ยอดหนี้พุ่งเร็วกว่าที่คิด!

เข้าใจดอกเบี้ยผิดนัดภายใต้กฎหมายใหม่ ดอกเบี้ยสูงสุดคิดได้เท่าไร? ผิดนัดกี่วันเริ่มคิดดอก? และวิธีป้องกันไม่ให้ยอดหนี้บานแบบไม่รู้ตัว

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

ค้ำประกัน

ก่อนจะ "ค้ำประกัน" ให้ใคร... คิดให้ดี! ไม่งั้นอาจเป็นหนี้แทนเพื่อนแบบงง ๆ

ค้ำประกันคืออะไร เสี่ยงแค่ไหน กระทบเครดิตยังไง เช็กให้ครบก่อนเซ็น พร้อมเช็กลิสต์ตัดสินใจที่ปลอดภัยกว่า

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568

หนี้สิน

เมื่อ “เดอะแบก” เริ่มไม่ไหว... รับมือหนี้ครอบครัวอย่างมีสติ

เหนื่อยกับการเป็นคนแบกหนี้ทั้งบ้าน? มาดูวิธีจัดการหนี้ครอบครัวอย่างมีสติ จัดลำดับความสำคัญ วางแผนจ่ายหนี้ และเริ่มต้นปลดหนี้โดยไม่ล้มทั้งใจ

เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568