ก่อนจะ "ค้ำประกัน" ให้ใคร... คิดให้ดี! ไม่งั้นอาจเป็นหนี้แทนเพื่อนแบบงง ๆ
"ขอความช่วยเหลือหน่อยนะ ช่วยค้ำประกันให้หน่อยได้ไหม เดี๋ยวผ่อนตรงๆ ไม่เดือดร้อนหรอก"
คำขอที่ดูเหมือนเรียบง่ายนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงินที่ยืดเยื้อ หลายคนตัดสินใจค้ำประกันให้เพื่อนหรือญาติด้วยความหวังดี แต่ไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจตามมา ความจริงที่หลายคนอาจไม่รู้คือ เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ "ผู้ค้ำประกัน" ต้องรับผิดชอบตามสัญญา และอาจส่งผลกระทบต่อประวัติเครดิตของคุณอย่างเต็มที่ แม้คุณจะไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ของตัวเองก็ตาม บทความนี้ เราจะมาอธิบายให้เข้าใจว่า ค้ำประกันคืออะไร มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ต้องพิจารณาอะไรก่อนตัดสินใจค้ำประกัน และมีทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าหรือไม่ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างรอบคอบก่อนที่จะลงชื่อในเอกสารค้ำประกัน
ค้ำประกัน คืออะไร?
การค้ําประกัน คือ การที่บุคคลหนึ่ง (ผู้ค้ำประกัน) ตกลงจะชำระหนี้เมื่อลูกหนี้หลัก (ผู้กู้) ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โดยผู้ค้ำประกันจะเป็นผู้รับผิดชอบร่วมบางส่วนหรือทั้งหมดตามขอบเขตที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกัน
ในทางกฎหมาย เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ซึ่งอาจรวมถึงเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ ผู้ค้ำประกันไม่ได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลูกหนี้กู้ยืมเงินไปซื้อ (เช่น รถยนต์ที่อยู่กับลูกหนี้) แต่กลับต้อง "รับภาระหนี้" หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด นี่คือความเสี่ยงที่หลายคนมักมองข้ามเมื่อตัดสินใจค้ำประกันให้ผู้อื่น
ความเสี่ยงหลักของ "ผู้ค้ำประกัน"
การเป็นผู้ค้ำประกันมาพร้อมกับความเสี่ยงหลายประการที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
1. เสี่ยงเป็นหนี้แทน เมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันอาจถูกเรียกให้ชำระยอดค้างทั้งหมด ซึ่งอาจรวมถึงเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับจากการผิดนัดชำระ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่ระบุในสัญญา ยอดเงินนี้อาจสูงกว่าวงเงินกู้เริ่มต้นมาก โดยเฉพาะหากลูกหนี้ผิดนัดชำระเป็นเวลานาน
2. เสี่ยงถูกฟ้องร้อง หากทั้งลูกหนี้และผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งอาจนำไปสู่การบังคับคดี การยึดทรัพย์ หรือการอายัดเงินเดือน สร้างความเสียหายทั้งด้านการเงินและชื่อเสียง
3. ความสัมพันธ์เสียหาย ปัญหาเรื่องเงินมักส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้และคุณต้องรับภาระแทน ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกหนี้อาจเสียหายไปด้วย บ่อยครั้งที่ทั้งเงินและมิตรภาพสูญเสียพร้อมกัน
ก่อนค้ำประกัน "ต้องรู้" อะไรบ้าง
ก่อนตัดสินใจค้ำประกัน คุณควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดในสัญญาค้ำประกันอย่างละเอียด โดยให้ความสนใจกับประเด็นต่อไปนี้
1. วงเงินและประเภทหนี้
- คุณจะค้ำประกันในวงเงินเท่าใด
- การค้ำประกันครอบคลุมอะไรบ้าง (เงินต้น ดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
- มีการจำกัดความรับผิดของผู้ค้ำประกันไว้หรือไม่
2. อายุสัญญาค้ำประกัน
- สัญญาค้ำประกันมีกำหนดระยะเวลาเท่าใด
- เงื่อนไขการสิ้นสุดของสัญญาค้ำประกันมีอะไรบ้าง
- ต้องค้ำประกันไปจนกว่าหนี้จะชำระหมดหรือมีเงื่อนไขอื่น
3. เงื่อนไขการผิดนัดชำระ
- ลูกหนี้ต้องผิดนัดชำระกี่งวดจึงถือว่าผิดสัญญา
- ขั้นตอนการทวงถามหรือการฟ้องร้องเป็นอย่างไร
- เจ้าหนี้จะแจ้งให้ผู้ค้ำประกันทราบเมื่อใดหากลูกหนี้ผิดนัดชำระ
4. สิทธิของผู้ค้ำประกัน
- คุณมีสิทธิได้รับการแจ้งเตือนเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหรือไม่
- คุณสามารถขอข้อมูลสถานะการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้หรือไม่
- คุณมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระคืนเมื่อคุณต้องชำระแทนหรือไม่
5. การเพิกถอนหรือถอนการค้ำประกัน
- มีช่องทางในการเพิกถอนหรือถอนการค้ำประกันหรือไม่
- ต้องดำเนินการอย่างไรหากต้องการถอนการค้ำประกัน
- มีค่าใช้จ่ายหรือเงื่อนไขพิเศษในการถอนการค้ำประกันหรือไม่
หมายเหตุสำคัญ : รายละเอียดเหล่านี้ขึ้นอยู่กับ "ตัวสัญญา" และกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้น โดยเฉพาะในสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่กำลังผ่อนชำระอยู่ การถอนการค้ำประกันมักทำได้ยาก เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนผู้ค้ำประกันหรือรีไฟแนนซ์ใหม่
กรณี "ค้ำประกันรถ" ต้องระวังอะไรเพิ่ม
การค้ำประกันรถยนต์มีความเสี่ยงเฉพาะที่ผู้ค้ำประกันควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. รถอยู่กับลูกหนี้ แต่ความเสี่ยงอยู่กับผู้ค้ำประกัน ในการค้ำประกันรถยนต์ ตัวรถจะอยู่ในความครอบครองของลูกหนี้ แต่ความเสี่ยงทางการเงินกลับตกอยู่กับผู้ค้ำประกัน หากลูกหนี้ใช้รถอย่างไม่ระมัดระวัง ทำให้เกิดความเสียหาย หรือไม่บำรุงรักษาอย่างเหมาะสม มูลค่าของรถอาจลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะกระทบต่อยอดหนี้คงเหลือหากมีการผิดนัดชำระ
2. ส่วนต่างจากการขายทอดตลาด หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระค่างวดและคืนรถ หรือรถถูกยึด และนำไปขายทอดตลาด ราคาที่ได้มักต่ำกว่ามูลค่าตลาดและอาจไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ทั้งหมด ส่วนต่างที่ยังคงค้างชำระจะถูกเรียกเก็บจากทั้งลูกหนี้และผู้ค้ำประกัน ซึ่งอาจเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก
3. ค่าปรับและดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ในกรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระ นอกจากเงินต้นและดอกเบี้ยปกติแล้ว ยังมีค่าปรับจากการผิดนัดชำระ ค่าดำเนินการติดตามทวงถาม และดอกเบี้ยผิดนัดที่ ที่สามารถทำให้ยอดหนี้สูงขึ้น ผู้ค้ำประกันควรรู้ตัวเลขและเพดานของค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงนามในสัญญาค้ำประกัน
4. ระยะเวลาค้ำประกันรถ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของสัญญา (เช่าซื้อ หรือสินเชื่อรถยนต์) อายุสัญญา และเงื่อนไขการค้ำประกันเฉพาะ โดยทั่วไป การค้ำประกันจะมีผลจนกว่าลูกหนี้จะชำระหนี้เสร็จสิ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในสัญญา ในกรณีที่มีการฟ้องร้อง อายุความตามกฎหมายจะเริ่มนับจากวันที่ผิดนัดชำระครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปอาจอยู่ที่ 2-10 ปี แล้วแต่ประเภทของการกู้ยืม
เช็กลิสต์ 10 ข้อ "ก่อนค้ำ"
ก่อนตัดสินใจค้ำประกันให้ใคร ควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้อย่างรอบคอบ
1. ตรวจสอบความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ลูกหนี้มีรายได้แน่นอนหรือไม่ มีหลักฐานรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หรือรายการเดินบัญชีที่สม่ำเสมอหรือไม่ การตรวจสอบนี้ช่วยประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้
2. ตรวจสอบประวัติเครดิต พิจารณาเหตุผลที่ลูกหนี้ต้องมีผู้ค้ำประกัน บางครั้งอาจเป็นเพราะประวัติเครดิตไม่ดี หรือมีภาระหนี้สินมากอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงในอนาคต
3. ประเมินภาระค่างวดต่อเดือน วงเงินและค่างวดต่อเดือนที่ลูกหนี้ต้องชำระเหมาะสมกับรายได้หรือไม่
4. ตรวจสอบเงินสำรองฉุกเฉิน คุณมีเงินสำรองเพียงพอที่จะชำระหนี้แทนลูกหนี้ได้หากเกิดปัญหาหรือไม่ ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 3-6 งวดเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
5. กำหนดวงเงินค้ำประกันสูงสุด หากเป็นไปได้ ควรระบุวงเงินค้ำประกันสูงสุด เช่น "ไม่เกิน X บาท" ในสัญญา เพื่อจำกัดความเสี่ยงทางการเงินของคุณ
6. ขอสิทธิรับการแจ้งเตือน ขอสิทธิให้ได้รับการแจ้งเตือนทุกครั้งที่ลูกหนี้ค้างชำระ เพื่อให้คุณสามารถติดตามสถานะและดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที
7. กำหนดที่อยู่รับเอกสาร ระบุที่อยู่สำหรับรับเอกสารทวงถามให้ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับข้อมูลและเอกสารสำคัญทุกฉบับ
8. ทำข้อตกลงส่วนตัวกับลูกหนี้ บันทึกข้อตกลงระหว่างคุณและลูกหนี้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น หากคุณต้องชำระหนี้แทน คุณมีสิทธิอะไรบ้าง เช่น การยึดทรัพย์สินบางอย่างของลูกหนี้เพื่อชดเชย
9. เตรียมแผนออกจากสัญญา วางแผนล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไรหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เช่น การเปลี่ยนผู้ค้ำประกัน หรือการรีไฟแนนซ์เพื่อปลดภาระค้ำประกัน
10. ฟังเสียงเตือนภายในใจ ถ้าคุณเช็กรายการทั้งหมดแล้วยังรู้สึกไม่มั่นใจหรือไม่สบายใจ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณไม่ควรค้ำประกันในครั้งนี้ การปฏิเสธอาจทำให้รู้สึกลำบากใจ แต่ดีกว่าการต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินในอนาคต
สรุป
การค้ำประกันให้ผู้อื่นอาจเริ่มต้นจากความหวังดีและความต้องการช่วยเหลือ แต่หากไม่ระมัดระวังหรือขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ อาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งทางการเงินและความสัมพันธ์อันดี
หากคุณตัดสินใจที่จะค้ำประกัน ให้ทำด้วยการมี "ข้อมูลและแผนการ" ที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงเพราะความเกรงใจหรือแรงกดดันทางสังคม กำหนดขอบเขตความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้และวางแผนสำหรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงวิธีการออกจากสัญญาหากจำเป็น
เพราะในท้ายที่สุดแล้ว "คนช่วย" อาจกลายเป็น "คนจ่ายแทน" ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น จึงควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจค้ำประกันให้ใคร เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต
สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
บทความอื่น ๆ
ดอกเบี้ยผิดนัดคืออะไร? ทำไม ยอดหนี้พุ่งเร็วกว่าที่คิด!
เข้าใจดอกเบี้ยผิดนัดภายใต้กฎหมายใหม่ ดอกเบี้ยสูงสุดคิดได้เท่าไร? ผิดนัดกี่วันเริ่มคิดดอก? และวิธีป้องกันไม่ให้ยอดหนี้บานแบบไม่รู้ตัว
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
แม่ค้า Street Food ยุคใหม่ต้องรู้! อัพเกรดการเงินให้เหลือเก็บทุกเดือน
ขายดีแต่ไม่รู้เงินหายไปไหน? รู้เทคนิคจัดการเงินแบบแม่ค้าสมัยใหม่ วางระบบเงินหมุน เก็บยังไงให้อยู่ เหลือกำไรทุกเดือนจริง
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568
เมื่อ “เดอะแบก” เริ่มไม่ไหว... รับมือหนี้ครอบครัวอย่างมีสติ
เหนื่อยกับการเป็นคนแบกหนี้ทั้งบ้าน? มาดูวิธีจัดการหนี้ครอบครัวอย่างมีสติ จัดลำดับความสำคัญ วางแผนจ่ายหนี้ และเริ่มต้นปลดหนี้โดยไม่ล้มทั้งใจ
เผยแพร่ 13 พ.ย. 2568