

7 เคล็ดลับบริหารเงินอย่างไร ให้ร้านค้าปลีกอยู่รอด
ท่ามกลางความท้าทายของตลาดร้านค้าปลีกยุคใหม่ที่ต้องแข่งขันกับทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์และห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ หลายร้านค้าประสบปัญหาด้านกระแสเงินสดไม่เพียงพอจนต้องปิดกิจการ แม้จะมียอดขายดี แต่หากขาดการบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพ ธุรกิจของคุณก็อาจไปไม่รอด บทความนี้จะแนะนำ 7 เคล็ดลับที่จะช่วยให้ร้านค้าปลีกอยู่รอดในยุคที่การแข่งขันสูง โดยไม่ต้องพึ่งเงินด่วนได้จริงจากแหล่งเงินกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูง
1. แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจอย่างเด็ดขาด
ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดในการบริหารการเงินของร้านค้าปลีกรายย่อยคือการไม่แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถติดตามกระแสเงินสดได้อย่างแม่นยำ
ทำไมต้องแยกบัญชี?
- ติดตามผลประกอบการจริงของร้านได้ชัดเจน
- ง่ายต่อการคำนวณภาษีและการจัดทำงบการเงิน
- ทำให้รู้ว่าธุรกิจกำลังกำไรหรือขาดทุนจริงๆ
- ป้องกันการนำเงินจากธุรกิจไปใช้ส่วนตัวมากเกินไป
วิธีแยกบัญชี
- เปิดบัญชีธนาคารแยกสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ
- กำหนด "เงินเดือน" ที่ชัดเจนสำหรับตัวเอง
- ทุกการซื้อส่วนตัวที่ใช้เงินร้านต้องบันทึกเป็น "เงินถอนของเจ้าของ"
- ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตแยกสำหรับรายจ่ายธุรกิจ
2. จัดทำระบบบัญชีและติดตามกระแสเงินสดอย่างเข้มงวด
ร้านค้าปลีกที่อยู่รอดได้ต้องรู้สถานะกระแสเงินสดของตัวเองทุกวัน การบริหารการเงินที่ดีเริ่มต้นที่การจัดทำบัญชีที่เป็นระบบ
- ใช้โปรแกรมบัญชีสำหรับร้านค้าที่ใช้งานง่าย เช่น QuickBooks, Microsoft Excel หรือแอปพลิเคชันบัญชีสำหรับร้านค้า
- บันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกรายการทันทีที่เกิดขึ้น
- จัดทำรายงานกระแสเงินสดรายสัปดาห์และรายเดือน
- วิเคราะห์แนวโน้มรายได้และค่าใช้จ่ายเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้า
3. บริหารสินค้าคงคลังอย่างชาญฉลาด ลดเงินจมในสต็อก
เงินจำนวนมากของร้านค้าปลีกมักถูกล็อกอยู่ในสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก ทำให้กระแสเงินสดติดขัด การบริหารสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญของการบริหารการเงินที่ดี
- ใช้ระบบ ABC Analysis แยกสินค้าตามอัตราการขาย (A = ขายดีมาก, B = ขายปานกลาง, C = ขายน้อย)
- ใช้ระบบ Just-in-Time สำหรับสินค้าที่มีอัตราการหมุนเวียนสูง
- กำหนดจุดสั่งซื้อใหม่ (Reorder Point) สำหรับสินค้าแต่ละประเภท
- จัดโปรโมชั่นระบายสินค้าที่ขายช้าก่อนที่จะกลายเป็นภาระ
- พิจารณาใช้ระบบฝากขาย (Consignment) สำหรับสินค้าใหม่หรือสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง
4. กำหนดนโยบายเครดิตและการชำระเงินที่เอื้อต่อกระแสเงินสด
ร้านที่ขายเชื่อแบบไม่มีระบบอาจประสบปัญหากระแสเงินสดไม่เพียงพอ ขณะที่ร้านที่ไม่รับบัตรเครดิตก็อาจเสียโอกาสในการขาย การบริหารการเงินที่ดีต้องกำหนดนโยบายการชำระเงินที่สมดุล
- เสนอส่วนลดสำหรับการชำระเงินสด
- รับบัตรเครดิตหรือชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันเพื่อความสะดวกของลูกค้า
- กำหนดเงื่อนไขเครดิตที่ชัดเจนสำหรับลูกค้าประจำ (เช่น 7-30 วัน)
- ติดตามลูกหนี้อย่างสม่ำเสมอและมีระบบเตือนเมื่อใกล้ถึงกำหนดชำระ
- พิจารณาให้ส่วนลดสำหรับการชำระหนี้เร็ว (เช่น 2% หากชำระภายใน 10 วัน)
5. เจรจาเงื่อนไขการชำระเงินกับซัพพลายเออร์
ในขณะที่พยายามเร่งให้ลูกค้าชำระเงินเร็วขึ้น ร้านค้าปลีกควรเจรจาขอเงื่อนไขการชำระเงินที่ยืดหยุ่นจากซัพพลายเออร์ด้วย เพื่อปรับปรุงกระแสเงินสดให้ดีขึ้น
- สร้างประวัติการชำระเงินที่ดีก่อนขอเงื่อนไขพิเศษ
- เสนอการสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อแลกกับเงื่อนไขการชำระเงินที่ดีขึ้น
- ขอเงื่อนไขการจ่ายแบบทยอยชำระสำหรับการสั่งซื้อขนาดใหญ่
- หาซัพพลายเออร์หลายรายเพื่อเปรียบเทียบเงื่อนไขและราคา
- พิจารณาเข้าร่วมกลุ่มจัดซื้อเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง
6. วางแผนภาษีอย่างถูกต้องและใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
การวางแผนภาษีที่ดีเป็นส่วนสำคัญของการบริหารการเงินสำหรับร้านค้าปลีก หลายร้านเสียโอกาสในการประหยัดภาษีเพราะไม่รู้สิทธิประโยชน์ที่พึงได้
- จดทะเบียนธุรกิจให้ถูกต้องตามประเภทที่เหมาะสม (บุคคลธรรมดา, นิติบุคคล)
- บันทึกค่าใช้จ่ายทางธุรกิจทุกรายการอย่างครบถ้วน
- ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น การหักค่าเสื่อมราคาแบบเร่งด่วน
- วางแผนการจ่ายเงินเดือนตัวเองและพนักงานให้เหมาะสมกับโครงสร้างภาษี
- ปรึกษานักบัญชีหรือที่ปรึกษาภาษีเป็นประจำ
7. สร้างเงินสำรองฉุกเฉินและแผนรับมือเมื่อกระแสเงินสดตึงตัว
ร้านค้าปลีกที่ยั่งยืนต้องมีแผนรองรับยามที่กระแสเงินสดติดขัด โดยไม่ต้องพึ่งเงินด่วนได้จริงจากแหล่งเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยสูง การบริหารการเงินที่ดีต้องรวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน
- สร้างเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เดือนของค่าใช้จ่ายคงที่
- ขอวงเงินสินเชื่อจากธนาคารไว้ล่วงหน้าก่อนจะเกิดปัญหา
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารและสถาบันการเงิน
- พิจารณาประกันธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- จัดทำแผนธุรกิจสำรองที่ใช้เงินลงทุนน้อยแต่สร้างรายได้เสริม
สรุป
การบริหารการเงินที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ร้านค้าปลีกอยู่รอดในยุคที่การแข่งขันสูง ด้วยการแยกบัญชีส่วนตัวออกจากธุรกิจ จัดทำระบบบัญชีที่ดี บริหารสินค้าคงคลังอย่างฉลาด กำหนดนโยบายเครดิตที่เหมาะสม เจรจากับซัพพลายเออร์ วางแผนภาษี และสร้างเงินสำรองฉุกเฉิน คุณจะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งโดยไม่ต้องพึ่งพาเงินด่วนได้จริงที่มีต้นทุนสูง
การวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องของขนาดธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของวินัยและความสม่ำเสมอ แม้เป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็ก หากมีการบริหารการเงินที่ดี ก็สามารถเติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหากระแสเงินสดในยามวิกฤต
สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/
“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.ngernhaijai.com/
Line : https://bit.ly/3zDd5Kz
เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899
เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568
บทความอื่น ๆ

รวมเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คุณขอสินเชื่อไม่ผ่านสักที
เปิดเผยสาเหตุหลักที่ทำให้สมัครสินเชื่อไม่ผ่าน ทั้งปัญหาหนี้เสีย หนี้เสียบัตรเครดิต พร้อมแนวทางปรับปรุงเพื่อเพิ่มโอกาสผ่านการอนุมัติในครั้งต่อไป
เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

บริหารลูกหนี้แบบมือโปร! เข้าใจลูกหนี้-เจ้าหนี้ในธุรกิจให้ดีขึ้น
รู้เทคนิคการจัดการลูกหนี้อย่างเป็นระบบ ป้องกันหนี้เสียตั้งแต่ต้นทาง และแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง
เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568

รู้ก่อนกู้! ธนาคารคิดอย่างไรกับภาระหนี้ของคุณ?
เข้าใจหลักเกณฑ์ที่ธนาคารใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ เรียนรู้วิธีเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อรถยนต์
เผยแพร่ 17 เม.ย. 2568