โปะหนี้
สินเชื่อรถแลกเงิน

จ่ายหนี้ขั้นต่ำ vs จ่ายโปะ ต่างกันอย่างไรในระยะยาว? คิดแบบคนวางแผนเก่งต้องดู!

จ่ายหนี้ไม่ไหว ทําไงดี? หลายคนเผชิญกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล และมักเลือกทางออกที่สบายที่สุดในระยะสั้น นั่นคือการจ่ายแค่ขั้นต่ำในแต่ละเดือน แต่นักวางแผนการเงินที่เก่งจะมองไกลกว่านั้น วันนี้ เงินให้ใจจะเปิดเผยความแตกต่างในการบริหารการเงินระหว่างการจ่ายขั้นต่ำกับการจ่ายโปะ พร้อมผลกระทบระยะยาวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

จ่ายขั้นต่ำกับจ่ายโปะ ต่างกันอย่างไร?

- การจ่ายขั้นต่ำ

การจ่ายขั้นต่ำคือการชำระเงินเพียงส่วนน้อยของยอดหนี้ทั้งหมดในแต่ละเดือน โดยเฉพาะบัตรเครดิตที่ปัจจุบันกำหนดขั้นต่ำที่ 8% และจะเพิ่มเป็น 10% ในปี 2568 ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย

ตัวอย่าง : หากคุณมียอดหนี้บัตรเครดิต 50,000 บาท คุณจะจ่ายเพียง 4,000 บาทต่อเดือน (8%) แต่จะมีผลต่อดอกเบี้ยในระยะยาว

- การจ่ายโปะ

การจ่ายโปะคือการชำระเงินมากกว่ายอดขั้นต่ำที่กำหนด อาจจะจ่ายเต็มจำนวนหรือจ่ายบางส่วนแต่มากกว่าขั้นต่ำอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวอย่าง : จากยอดหนี้ 50,000 บาท คุณอาจจ่ายโปะ 20,000 บาท หรือจ่ายเต็มจำนวน 50,000 บาท ซึ่งอาจทำให้ดอกเบี้ยลดลงในระยะยาว

ผลกระทบของการจ่ายขั้นต่ำในระยะยาว

1. คุณจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

หากคุณเลือกจ่ายเพียงขั้นต่ำ ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดคงค้างทั้งหมด ไม่ใช่แค่ส่วนที่คุณยังไม่ได้จ่าย โดยสถาบันการเงินจะคิดดอกเบี้ย 2 ขั้นตอน

- ขั้นตอนที่ 1 : คิดดอกเบี้ยจากยอดใช้จ่ายทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ทำรายการ ไม่ใช่วันที่คุณตัดสินใจจ่ายขั้นต่ำ

- ขั้นตอนที่ 2 : คิดดอกเบี้ยจากเงินคงเหลือหลังจากจ่ายขั้นต่ำไปแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมียอดหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ที่อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี

- จ่ายขั้นต่ำ 8% : คุณจะใช้เวลาประมาณ 22 ปีในการชำระหนี้หมด และเสียดอกเบี้ยทั้งสิ้น 263,422 บาท

- จ่ายโปะ 30% ทุกเดือน : คุณจะชำระหนี้หมดภายใน 4 ปี และเสียดอกเบี้ยเพียง 35,814 บาท

2. คุณจะติดอยู่กับหนี้นานเกินจำเป็น

การจ่ายเพียงขั้นต่ำทำให้กระบวนการชำระหนี้ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี ทำให้คุณเสียโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งในรูปแบบอื่น

ตัวอย่างเช่น หนี้บัตรเครดิต 50,000 บาท หากจ่ายขั้นต่ำ 8% คุณจะต้องใช้เวลาประมาณ 17 ปีในการชำระหนี้ให้หมด

3. ความเครียดทางการเงินสะสม

การมีภาระหนี้ระยะยาวส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ในครอบครัว การรู้สึกว่าไม่สามารถปลดหนี้ได้สักที ทำให้เกิดความเครียดสะสม

4. ความสามารถในการกู้ในอนาคตลดลง

สถาบันการเงินจะพิจารณาภาระหนี้คงค้างของคุณเมื่อคุณขอสินเชื่อใหม่ การมีหนี้ค้างชำระเป็นระยะเวลานานอาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญในชีวิต เช่น การซื้อบ้าน หรือลงทุนในธุรกิจ เพราะสถาบันการเงินอาจมองว่าคุณมีโอกาสจ่ายหนี้ไม่ไหว

ข้อดีของการจ่ายโปะหนี้

1. ประหยัดดอกเบี้ยมหาศาล

การจ่ายมากกว่าขั้นต่ำหรือจ่ายเต็มจำนวนจะช่วยลดเงินต้น ทำให้ดอกเบี้ยถูกคำนวณจากยอดเงินที่น้อยลง

2. ปลดหนี้เร็วขึ้น

การจ่ายโปะทำให้คุณปลดหนี้ได้เร็วกว่าการจ่ายขั้นต่ำหลายปีหรือหลายสิบปี ให้คุณเป็นอิสระทางการเงินได้เร็วขึ้น และบริหารการเงินได้ดีขึ้น

3. สุขภาพจิตดีขึ้น

การเห็นยอดหนี้ลดลงอย่างรวดเร็วสร้างแรงจูงใจและลดความเครียดทางการเงิน

4. เพิ่มโอกาสทางการเงินในอนาคต

เมื่อไม่มีภาระหนี้ คุณสามารถนำเงินไปลงทุน บริหารการเงิน หรือเก็บออมเพื่ออนาคตได้

เมื่อไหร่ที่การจ่ายขั้นต่ำอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม?

แม้ว่าการจ่ายโปะจะดีกว่าในภาพรวม แต่มีบางสถานการณ์ที่การจ่ายขั้นต่ำอาจเหมาะสมจริงๆ หากคุณไม่สามารถมีทางเลือกในการจ่ายโปะหรือจ่ายเต็มจำนวนได้

1. ภาวะฉุกเฉินทางการเงิน - เช่น ตกงานกะทันหัน จ่ายหนี้ไม่ไหว หรือมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินทางการแพทย์

2. การสร้างเงินสำรองฉุกเฉิน - หากคุณยังไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6 เดือน และบริหารการเงินไม่ได้ อาจพิจารณาจ่ายขั้นต่ำระยะสั้นเพื่อสร้างเงินสำรอง

3. การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ย - ในกรณีที่หายาก หากคุณมีโอกาสลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย

สรุป

อย่างไรก็ตาม นักวางแผนการเงินที่เก่งจะไม่มองเพียงความสะดวกในระยะสั้น แต่จะคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว การเลือกจ่ายโปะหนี้แม้จะต้องเสียสละความสะดวกสบายในปัจจุบัน แต่จะสร้างความมั่นคง สู่การบริหารการเงิน ความมั่งคั่งในอนาคต

หากคุณกำลังเผชิญปัญหาหนี้สิน จ่ายหนี้ไม่ไหว การเริ่มต้นวางแผนการเงินและจ่ายโปะหนี้อย่างมีกลยุทธ์คือก้าวแรกสู่อิสรภาพทางการเงิน อย่าลืมว่า แม้การเริ่มต้นอาจยาก แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวคุ้มค่ากับความพยายามอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังมองหาทางเลือกในการจัดการหนี้ สินเชื่อรถแลกเงินจาก เงินให้ใจอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณนำเงินมาจ่ายโปะหนี้ดอกเบี้ยสูง เพื่อประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว

สำหรับใครที่ต้องการเงินด่วน สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 15 พ.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

บริหารเงิน

จัดพอร์ตการเงินยังไงให้ไม่เจ๊ง! ปลอดภัยแต่โตได้ในยุคเสี่ยง

จัดพอร์ตการเงินแบบปลอดภัยแต่โตได้ เรียนรู้เทคนิคบริหารเงินที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินส่วนบุคคล พร้อมกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสำหรับยุคเศรษฐกิจผันผวน

เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2568

เงินเฟ้อ

เงินเฟ้อ 2025 มาหนักแน่! วางแผนการเงินยังไงให้รอดทุกสภาพเศรษฐกิจ

เงินเฟ้อ 2025 จะส่งผลกระทบยังไง? เงินเฟ้อคืออะไร และวางแผนการเงินอย่างไรให้รอดทุกสภาพเศรษฐกิจ จากเงินให้ใจ

เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2568

หนี้ครัวเรือน

เจาะลึกหนี้ครัวเรือนไทย ทำไมเราถึงติดกับดักหนี้กันทุกปี?

หนี้ครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูง ทำไมคนไทยยังติดกับดัก? วิเคราะห์สาเหตุและแนวทางแก้หนี้อย่างยั่งยืน จากเงินให้ใจ

เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2568