ชนแล้วหนี โทษ
หมายเรียก ชน แล้ว หนี กี่ วัน

โดนชนแล้วหนี! ไม่มีค่าซ่อมก็รอดได้ ถ้ารู้ทางออก

เหตุการณ์โดนชนแล้วหนีเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่พบเห็นได้บ่อยบนท้องถนน เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว หลายคนอาจรู้สึกหมดหนทางเพราะไม่มีคู่กรณีให้รับผิดชอบค่าเสียหาย โดยเฉพาะเมื่อเราไม่มีเงินเพียงพอที่จะซ่อมรถ บทความนี้ เงินให้ใจจะพาคุณไปรู้จักกับวิธีรับมือกับเหตุการณ์ "ชนแล้วหนี" พร้อมทั้งทางออกที่ช่วยให้คุณไม่ต้องแบกรับค่าเสียหายเพียงลำพัง

3 สิ่งที่ต้องทำทันทีเมื่อโดนชนแล้วหนี

เมื่อเกิดเหตุการณ์โดนชนแล้วหนี สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสติและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ทันที

1. ตั้งสติและเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน

สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเกิดเหตุคือการตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกจนลืมเก็บข้อมูลสำคัญ พยายามรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่จะช่วยในการระบุตัวผู้กระทำผิด

- ถ่ายรูปความเสียหาย ทั้งรถของคุณและจุดที่เกิดเหตุ โดยถ่ายให้เห็นภาพรวมและรายละเอียดความเสียหายอย่างชัดเจน

- เก็บชิ้นส่วนที่หลุด จากรถคู่กรณี (ถ้ามี) เช่น เศษกระจก ชิ้นส่วนไฟหน้า หรือชิ้นส่วนกันชน

- สังเกตและจดจำข้อมูลรถคู่กรณี หากเห็นทัน เช่น เลขทะเบียน ยี่ห้อ รุ่น สี และลักษณะเด่น

- มองหากล้องวงจรปิด ในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจบันทึกภาพเหตุการณ์และรถคู่กรณีไว้

- สอบถามพยาน หากมีคนเห็นเหตุการณ์ ขอข้อมูลติดต่อไว้เพื่อเป็นพยาน

2. ติดต่อตัวแทนประกัน

หลังจากเก็บหลักฐานแล้ว ให้รีบติดต่อบริษัทประกันที่คุณทำกรมธรรม์ไว้ทันที

- แจ้งเหตุการณ์ ให้ตัวแทนประกันทราบว่าคุณประสบเหตุโดนชนแล้วหนี

- ตรวจสอบความคุ้มครอง ว่ากรมธรรม์ของคุณครอบคลุมกรณีไม่มีคู่กรณีหรือไม่

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มักคุ้มครองความเสียหายแม้ไม่มีคู่กรณี

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ บางแบบอาจคุ้มครองกรณีนี้ได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขกรมธรรม์

- สอบถามขั้นตอนการเคลม และเอกสารที่ต้องใช้ซึ่งมักจะต้องมีใบแจ้งความ

ที่สำคัญ ตัวแทนประกันอาจไม่จำเป็นต้องมาถึงที่เกิดเหตุก่อนคุณจะเคลื่อนย้ายรถ โดยเฉพาะในกรณีที่รถอยู่ในสภาพที่ขับเคลื่อนได้และอาจกีดขวางการจราจร

3. แจ้งความที่สถานีตำรวจ

การแจ้งความเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะใบแจ้งความจะเป็นหลักฐานสำคัญในการเคลมประกัน

- นำหลักฐานทั้งหมด ไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความ

- ให้รายละเอียดเหตุการณ์ อย่างครบถ้วนและตรงไปตรงมา

- ขอใบแจ้งความหรือบันทึกประจำวัน เพื่อใช้ยืนยันการเกิดเหตุกับบริษัทประกัน

- สอบถามเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการติดตามตัวผู้กระทำผิด โดยเฉพาะหากมีข้อมูลทะเบียนรถหรือภาพจากกล้องวงจรปิด

ทางออกเมื่อไม่มีค่าซ่อมและไม่มีคู่กรณี

เมื่อเกิดเหตุโดนชนแล้วหนี และคุณไม่มีเงินเพียงพอสำหรับค่าซ่อม มีทางออกที่สามารถช่วยคุณได้ดังนี้

1. ตรวจสอบความคุ้มครองจากประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์ที่คุณมีอาจช่วยรับผิดชอบค่าเสียหายได้ ขึ้นอยู่กับระดับความคุ้มครอง

- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 : คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถในทุกกรณี แม้ไม่มีคู่กรณี โดยคุณอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ตามเงื่อนไขกรมธรรม์

- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ : บางแผนอาจคุ้มครองกรณีถูกชนแล้วหนี แต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไขกรมธรรม์อย่างละเอียด

- ประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.): คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของผู้ประสบภัย ไม่รวมความเสียหายต่อทรัพย์สิน

2. ใช้บริการผ่อนชำระค่าซ่อมรถ

หากประกันไม่ครอบคลุมหรือคุณไม่มีประกันที่เหมาะสม อู่ซ่อมรถหลายแห่งมีบริการผ่อนชำระค่าซ่อม

- อู่ซ่อมรถ : บางอู่มีบริการผ่อนชำระโดยตรงกับทางอู่ โดยอาจคิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

- บริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต : หากคุณมีบัตรเครดิต อาจใช้บริการแบ่งชำระ 0% หรือดอกเบี้ยต่ำ

- สินเชื่อส่วนบุคคล : สำหรับค่าซ่อมที่สูง สินเชื่อส่วนบุคคลอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่ต้องพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระ

3. ซ่อมเท่าที่จำเป็นก่อน

หากงบประมาณจำกัด การซ่อมเฉพาะส่วนที่จำเป็นต่อความปลอดภัยก่อนเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล

- จัดลำดับความสำคัญ : ซ่อมระบบความปลอดภัยก่อน เช่น เบรก ไฟส่องสว่าง หรือระบบบังคับเลี้ยว

- ซ่อมแซมชั่วคราว : อาจทำการซ่อมแซมชั่วคราวในบางส่วนเพื่อให้รถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

- เลื่อนการซ่อมส่วนที่เป็นความเสียหายด้านสวยงาม : เช่น รอยบุบหรือรอยขีดข่วนที่ไม่กระทบการใช้งาน

คนชนแล้วหนี โทษมีอะไรบ้าง?

ในมุมกลับกัน หากคุณเป็นผู้ขับขี่ที่ประสบอุบัติเหตุและคิดจะหลบหนี ควรตระหนักว่าการชนแล้วหนีเป็นความผิดทางกฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรง

1. โทษทางกฎหมาย

การชนแล้วหนีมีโทษทางกฎหมายที่แตกต่างกันไปตามความเสียหายที่เกิดขึ้น

- กรณีเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน : ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท

- กรณีมีผู้บาดเจ็บ : จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- กรณีมีผู้เสียชีวิต : จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. อายุความของความผิด

ความผิดฐานชนแล้วหนีมีอายุความยาวนาน

- อายุความ 15 ปี : หมายความว่าเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้ภายใน 15 ปีนับจากวันเกิดเหตุ

- การยึดรถ : หากเจ้าของรถไม่แสดงตัวภายใน 6 เดือน เจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถที่ใช้ในการหลบหนีได้

3. ผลกระทบต่อชีวิตและสังคม

นอกจากโทษทางกฎหมายแล้ว การชนแล้วหนียังมีผลกระทบอื่นๆ

- ความเสียหายต่อชื่อเสียง : เมื่อถูกจับได้ ข้อมูลอาจถูกเผยแพร่ในสื่อและส่งผลต่อภาพลักษณ์

- ปัญหาด้านการงาน : อาจถูกเลิกจ้างหรือมีปัญหาในการหางานใหม่หากมีประวัติอาชญากรรม

- ภาระทางการเงิน : ค่าปรับ ค่าทนายความ และค่าชดเชยความเสียหายอาจสูงกว่าการรับผิดชอบตั้งแต่แรก

- ความรู้สึกผิด : ผลกระทบทางจิตใจจากการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนและไม่รับผิดชอบ

ยอมความได้หรือไม่ในกรณีชนแล้วหนี?

หลายคนอาจสงสัยว่า หากเกิดเหตุชนแล้วหนีและภายหลังมีการติดตามตัวผู้กระทำผิดได้ จะสามารถยอมความกันได้หรือไม่ คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับลักษณะของความเสียหาย

- กรณีเสียหายเฉพาะทรัพย์สิน : สามารถยอมความได้ โดยคู่กรณีทำข้อตกลงระหว่างกัน และอาจให้ตำรวจเป็นพยานในการทำบันทึกข้อตกลง

- กรณีมีผู้บาดเจ็บ : การยอมความอาจทำได้ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย โดยต้องมีการเจรจาผ่านตำรวจหรือเจ้าหน้าที่กฎหมาย

- กรณีมีผู้เสียชีวิต : การยอมความเป็นไปได้ยากหรือไม่ได้เลย เพราะถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง การดำเนินการจะขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรมและศาลจะเป็นผู้ตัดสิน

สรุป

การเจอเหตุการณ์โดนชนแล้วหนีเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องแบกรับภาระทั้งหมดเพียงลำพัง การเตรียมพร้อมและรู้วิธีรับมือที่ถูกต้องจะช่วยบรรเทาผลกระทบและนำไปสู่ทางออกที่ดีที่สุด

สิ่งสำคัญคือการตั้งสติ เก็บหลักฐาน แจ้งความ และติดต่อบริษัทประกัน นอกจากนี้ การเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสม การติดตั้งกล้องหน้ารถ และการมีเงินสำรองฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในอนาคต

สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

เจ้าหนี้

กู้ยังไงไม่โดนหลอก! 6 เช็กลิสต์ก่อนขอสินเชื่อให้ปลอดภัย

เจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้านเป็นเรื่องน่ากลัว! เรียนรู้วิธีตรวจสอบสินเชื่ออย่างรอบคอบด้วย 6 เช็กลิสต์สำคัญก่อนกู้เงิน

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

ไกล่เกลี่ยหนี้

ไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนฟ้อง ดีกว่ายื้อ! รู้ทันขั้นตอนลดภาระได้จริง

ไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนฟ้องดีกว่าถูกฟ้องร้องอย่างไร? พบขั้นตอนไกล่เกลี่ยหนี้กับกรมบังคับคดีแบบละเอียด พร้อมเทคนิคเจรจาให้ได้ข้อตกลงที่เป็นธรรม ช่วยลดภาระหนี้ได้จริง

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

เครียดเรื่องเงิน

เครียดเรื่องเงิน? อัปเกรดใจให้อุ่น ด้วย 5 วิธีฮีลใจที่ได้ผล

เครียดเรื่องเงิน ทำให้ชีวิตหม่นหมอง? เรามี 5 วิธีฮีลใจที่ได้ผลจริง ช่วยคลายความกังวล สร้างความสมดุลทางการเงินและจิตใจ พร้อมเคล็ดลับจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568