เจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้าน เจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่ทํางาน

กู้ยังไงไม่โดนหลอก! 6 เช็กลิสต์ก่อนขอสินเชื่อให้ปลอดภัย

การขอสินเชื่อเป็นเรื่องปกติในชีวิตของหลายคน ไม่ว่าจะเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือใช้จ่ายยามฉุกเฉิน แต่น่าเสียดายที่มีผู้ให้บริการสินเชื่อบางรายที่อาจมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ หลอกลวงผู้กู้ให้ตกอยู่ในวงจรหนี้ที่ยากจะหลุดพ้น จนอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่อย่างการมี "เจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้าน" ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอ วันนี้ เงินให้ใจ จะมาแนะนำ 6 เช็กลิสต์สำคัญที่คุณควรตรวจสอบสินเชื่อก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับบริการที่ปลอดภัยและเป็นธรรม

อันตรายจากการถูกหลอกเรื่องสินเชื่อ

ก่อนจะเข้าสู่เช็กลิสต์ที่ควรตรวจสอบ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าอะไรคือความเสี่ยงจากการถูกหลอกเรื่องสินเชื่อ

- ดอกเบี้ยเกินกฎหมาย : บางแหล่งเงินกู้อาจคิดดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ยอดหนี้พอกพูนอย่างรวดเร็ว

- ค่าธรรมเนียมซ่อนเร้น : ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทำให้คุณต้องจ่ายมากกว่าที่คาดไว้

- การยึดทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม : กรณีสินเชื่อที่มีหลักประกัน อาจมีเงื่อนไขไม่เป็นธรรมที่ทำให้คุณสูญเสียทรัพย์สินได้ง่าย

- การคุกคามและทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย : เจ้าหนี้นอกระบบมักใช้วิธีการทวงหนี้ที่รุนแรง ข่มขู่ หรือสร้างความอับอาย

- การโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล : มิจฉาชีพอาจแอบอ้างเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด

ความเสี่ยงเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาร้ายแรง ทั้งด้านการเงิน สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ในครอบครัว ดังนั้น การตรวจสอบให้รอบคอบก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

6 เช็กลิสต์สำคัญก่อนขอสินเชื่อ

1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการสินเชื่อ

ก่อนจะตัดสินใจขอสินเชื่อกับใคร สิ่งแรกที่ควรทำคือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ เพื่อป้องกันการถูกหลอกและปัญหาเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้านในอนาคต

- ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจ : ผู้ให้บริการสินเชื่อที่ถูกกฎหมายต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย

- ค้นหาข้อมูลและรีวิวออนไลน์ : อ่านความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการคนอื่นๆ บนเว็บไซต์รีวิว หรือโซเชียลมีเดีย

- สอบถามจากคนรู้จักที่เคยใช้บริการ : ประสบการณ์ตรงจากคนใกล้ตัวสามารถให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้

- สังเกตสำนักงานและพนักงาน : บริษัทที่มีที่ตั้งชัดเจน มีสำนักงานเป็นหลักแหล่ง และพนักงานมีความเป็นมืออาชีพ มีแนวโน้มที่จะน่าเชื่อถือมากกว่า

- ตรวจสอบกับองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค : หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลได้จากองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคหรือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

บริษัทสินเชื่อที่น่าเชื่อถือจะมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ มีประวัติการให้บริการที่ดี และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

2. อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขสัญญาอย่างละเอียด

สัญญาสินเชื่อเป็นเอกสารสำคัญที่กำหนดสิทธิและหน้าที่ของทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้ การอ่านและทำความเข้าใจสัญญาอย่างละเอียดจะช่วยป้องกันปัญหาในอนาคต

- ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย : ดูว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในสัญญาตรงกับที่ได้ตกลงไว้หรือไม่ และเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

- ตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่างๆ : นอกจากดอกเบี้ยแล้ว อาจมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการสินเชื่อ ค่าประกันภัย หรือค่าปรับกรณีชำระล่าช้า

- เงื่อนไขการผิดนัดชำระ : ทำความเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่สามารถชำระเงินได้ตามกำหนด มีค่าปรับหรือบทลงโทษอย่างไร

- เงื่อนไขการปิดบัญชีก่อนกำหนด : บางสัญญาอาจมีค่าธรรมเนียมหากคุณต้องการชำระหนี้ทั้งหมดก่อนครบกำหนด

- ระยะเวลาผ่อนชำระ : ตรวจสอบว่าระยะเวลาผ่อนชำระตรงกับที่ตกลงไว้หรือไม่

หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับเงื่อนไขในสัญญา อย่าลังเลที่จะสอบถามผู้ให้บริการก่อนลงนาม และหากเป็นไปได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือการเงิน

3. เปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้ให้บริการหลายราย

การเปรียบเทียบข้อเสนอจากผู้ให้บริการสินเชื่อหลายรายจะช่วยให้คุณได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงการถูกหลอก

- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย : อัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันแม้เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในระยะยาว

- พิจารณาค่าธรรมเนียมทั้งหมด : บางบริษัทอาจเสนออัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่มีค่าธรรมเนียมอื่นๆ สูง

- ตรวจสอบความยืดหยุ่นในการชำระเงิน : บางผู้ให้บริการอาจมีทางเลือกในการชำระเงินที่หลากหลายและยืดหยุ่นกว่า

- พิจารณาระยะเวลาอนุมัติ : หากคุณต้องการเงิน ระยะเวลาในการอนุมัติอาจเป็นปัจจัยสำคัญ

- ตรวจสอบบริการหลังการขาย : พิจารณาว่าผู้ให้บริการมีช่องทางให้ความช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง

การเปรียบเทียบอย่างรอบด้านจะช่วยให้คุณเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการชำระหนี้ของคุณ

4. ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง

การรู้จักประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหาเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้านในอนาคต

- คำนวณรายได้และค่าใช้จ่ายประจำ : ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อดูว่าคุณมีเงินเหลือเท่าไหร่ในแต่ละเดือน

- ใช้กฎ 50/30/20 : แบ่งรายได้เป็น 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น 30% สำหรับค่าใช้จ่ายตามใจ และ 20% สำหรับการออมและชำระหนี้

- พิจารณาความมั่นคงของรายได้ : หากรายได้ของคุณไม่แน่นอน ควรวางแผนรับมือกับช่วงที่รายได้อาจลดลง

- คำนึงถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน : ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล

- ใช้เครื่องมือคำนวณออนไลน์ : มีเครื่องมือออนไลน์หลายแห่งที่ช่วยคำนวณความสามารถในการกู้ยืมและผ่อนชำระของคุณ

การกู้ยืมในจำนวนที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้จะช่วยให้คุณสามารถผ่อนชำระได้อย่างสบายใจและไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินในอนาคต

5. ตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

การขอสินเชื่อมักเกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญ การตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลจะช่วยป้องกันการถูกโจรกรรมข้อมูล

- ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัว : ศึกษาว่าผู้ให้บริการมีนโยบายในการจัดเก็บ ใช้ และแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างไร

- ระวังการให้ข้อมูลออนไลน์ : หากสมัครสินเชื่อออนไลน์ ตรวจสอบสินเชื่อว่าเว็บไซต์มีความปลอดภัย (มี https:// นำหน้า URL)

- ไม่ให้ข้อมูลมากเกินจำเป็น : ให้เฉพาะข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อเท่านั้น

- ระวังการหลอกลวงทางโทรศัพท์ : อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวทางโทรศัพท์กับผู้ที่โทรมาหาคุณโดยไม่ได้นัดหมาย

- ตรวจสอบรายงานเครดิตอย่างสม่ำเสมอ : เพื่อสังเกตการณ์กิจกรรมที่ผิดปกติซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการโจรกรรมข้อมูล

การระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลจะช่วยป้องกันการถูกหลอกลวงและการโจรกรรมข้อมูล ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่ร้ายแรง

6. รู้สิทธิของตนเองและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การรู้สิทธิของตนเองและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินจะช่วยให้คุณสามารถปกป้องตนเองจากการถูกเอาเปรียบและรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นธรรมได้

- รู้เกี่ยวกับกฎหมายดอกเบี้ยเงินกู้ : ตามกฎหมายไทย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต้องไม่เกิน 15% ต่อปี

- เข้าใจกฎหมายทวงหนี้ : เจ้าหนี้ไม่สามารถใช้วิธีการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสม เช่น การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ต่อบุคคลอื่น

- สิทธิในการได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง : ผู้ให้บริการสินเชื่อต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับเงื่อนไขสินเชื่อ

- สิทธิในการร้องเรียน : หากคุณถูกเอาเปรียบหรือพบเห็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม คุณมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

- ช่องทางการร้องเรียน : ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โทร. 1166

การรู้สิทธิของตนเองจะช่วยให้คุณสามารถเจรจาต่อรองกับผู้ให้บริการสินเชื่อได้อย่างมั่นใจและได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังถูกหลอก

นอกจากเช็กลิสต์ที่ควรตรวจสอบสินเชื่อแล้ว คุณยังควรระวังสัญญาณเตือนต่อไปนี้ ซึ่งอาจบ่งบอกว่าผู้ให้บริการสินเชื่อไม่น่าไว้วางใจ

1. เรียกเก็บค่าธรรมเนียมล่วงหน้า : ผู้ให้บริการที่เรียกเก็บเงินก่อนอนุมัติสินเชื่อมักเป็นมิจฉาชีพ

2. สัญญาใช้ภาษาที่ซับซ้อนหรือคลุมเครือ : สัญญาที่เข้าใจยากอาจซ่อนเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม

3. กดดันให้ตัดสินใจเร็ว : การเร่งรัดให้คุณตัดสินใจโดยไม่มีเวลาพิจารณาให้รอบคอบเป็นสัญญาณอันตราย

4. ไม่มีที่อยู่ทางกายภาพที่ชัดเจน : ผู้ให้บริการที่ไม่มีสำนักงานเป็นหลักแหล่งอาจหายตัวไปได้ง่ายหลังจากได้เงินจากคุณ

5. โฆษณาในลักษณะที่เกินจริง : คำโฆษณาที่ดูดีเกินจริง เช่น "รับรองอนุมัติ 100%" หรือ "ไม่เช็กเครดิตบูโร"

6. ช่องทางการติดต่อไม่น่าเชื่อถือ : มีเพียงเบอร์มือถือหรืออีเมลส่วนตัว ไม่มีเบอร์สำนักงานหรือเว็บไซต์ทางการ

หากคุณพบสัญญาณเหล่านี้ ควรระมัดระวังและพิจารณาหาผู้ให้บริการรายอื่นที่น่าเชื่อถือมากกว่า

วิธีรับมือเมื่อมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้าน

ในกรณีที่เกิดปัญหาและมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้าน คุณควรรู้วิธีรับมืออย่างถูกต้องและเหมาะสม

1. รู้สิทธิของตนเอง : ตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 เจ้าหนี้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายในการทวงหนี้

2. เก็บหลักฐาน : บันทึกวันเวลา พฤติกรรม และถ้าเป็นไปได้ บันทึกเสียงหรือวิดีโอการทวงหนี้ที่ไม่เหมาะสม

3. ไม่หลบหนีปัญหา : พยายามเจรจาและหาทางออกร่วมกัน เช่น ขอปรับโครงสร้างหนี้หรือขยายระยะเวลาชำระ

4. ขอคำปรึกษาทางกฎหมาย : หากถูกคุกคามหรือข่มขู่ ควรปรึกษาทนายความหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

5. แจ้งความ : ในกรณีที่ถูกข่มขู่หรือคุกคามอย่างรุนแรง ให้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

การรู้วิธีรับมือกับสถานการณ์เมื่อมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้านจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างเหมาะสมและปกป้องสิทธิของตนเอง

สรุป

การขอสินเชื่อเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การตรวจสอบตามเช็กลิสต์ทั้ง 6 ข้อที่เราได้แนะนำไปจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการถูกหลอกและได้รับบริการที่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ การทำความเข้าใจสัญญา การเปรียบเทียบข้อเสนอ การประเมินความสามารถในการชำระหนี้ การดูแลข้อมูลส่วนบุคคล และการรู้สิทธิของตนเอง

ความรอบคอบในการขอสินเชื่อจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการกู้ยืมและหลีกเลี่ยงปัญหาอย่างการมีเจ้าหนี้มาทวงหนี้ที่บ้าน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคน จงจำไว้ว่า การกู้ยืมอย่างชาญฉลาดคือการกู้ในจำนวนที่เหมาะสม จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และมีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน

สำหรับใครที่ต้องการกู้สินเชื่อ สินเชื่อรถแลกเงินเป็นหนึ่งในคำตอบและวิธีการที่ดีที่สุดของคุณ กับเงินให้ใจที่มีความน่าเชื่อถือจากบริษัท เงินให้ใจ จำกัด เป็นบริษัทที่ให้บริการ สินเชื่อรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าสามารถขอใช้บริการได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย ทุกสาขา และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คำนวณวงเงินสินเชื่อและสมัครสินเชื่อได้ทันทีที่ https://www.ngernhaijai.com/

“กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถ 12.82% - 24.00% สินเชื่อโอนเล่มทะเบียนรถ แบ่งเป็นกรณีบุคคลธรรมดามีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการส่วนตัว 6.08% - 15.00% และกรณีบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ 6.08% - 26.62%”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Website : https://www.ngernhaijai.com/

Line : https://bit.ly/3zDd5Kz

เงินให้ใจ โทร : 02 078 8899

เผยแพร่ 17 ก.ค. 2568

บทความอื่น ๆ

วางแผนการเงิน

ไม่มีทุนแต่อยากอัปเกรดร้าน? แจก 5 แนวคิดการเงินเจ้าของกิจการยุคใหม่

ไม่มีทุนไม่ใช่ปัญหา! แจก 5 แนวคิดวางแผนการเงินให้เจ้าของกิจการอัปเกรดร้านได้ทันที โดยไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่

เผยแพร่ 15 ส.ค. 2568

รถโดนน้ำท่วม

รถยังผ่อนไม่หมดแต่น้ำท่วม! เคลมประกันได้ไหม?

รถน้ำท่วมแต่ยังผ่อนไม่หมด? รู้สิทธิเคลมประกัน ซ่อมรถ และจัดการหนี้ไฟแนนซ์อย่างชาญฉลาด เพื่อฟื้นตัวกลับมาได้เร็วขึ้น

เผยแพร่ 15 ส.ค. 2568

ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์

ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ 2568 ยังไงไม่ให้โดนค่าปรับ? เช็กครบในบทความเดียว

ต่อ พ.ร.บ. รถยนต์ 2568 อย่างไรให้ไม่โดนค่าปรับ? เรารวมทุกขั้นตอน เอกสารที่ต้องเตรียม ราคา ช่องทางต่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมวิธีหลีกเลี่ยงค่าปรับหากขาดต่อ

เผยแพร่ 15 ส.ค. 2568